Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวแคบและ Sideways ต่อเนื่อง สามารถกลับมาปิดบวกได้ 5.29 จุด ปิดที่ 1,143.53 จุด โดยหุ้นที่บวกส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดใหญ่กระจายไปในหลายกลุ่ม ที่โดดเด่นคือ CPAXT จากแนวโน้มกำไรที่ดีกว่าคาด กลุ่มที่ฉุดตลาดยังคงเป็นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี มูลค่าการซื้อขายขยับขึ้นจาก 3.6 หมื่นลบ.เมื่อวันก่อนหน้าเป็น 4.0หมื่นลบ. สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 67 ลบ.และ 21 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures อีก 5.69 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังแกว่งตัว Sideways ต่อเนื่องโดยประเมินกรอบการเครลื่อนไหวที่ 1,405-1,420 จุด บรรยากาศในต่างประเทศค่อนข้างกดดันทั้งดาวโจนส์ที่ปรับลง เพราะกลุ่มแบงก์ประกาศงบแย่กว่าคาด และสถานการณ์สงครามในทะเลแดงที่ยึดเยื้อ รวมถึงชัยชนะของการเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวัน อาจทำให้มีประเด็นกับจีนอีกครั้ง ส่วนในประเทศ SCC อาจกดดันตลาด เพราะแนวโน้ม 4Q23 ที่ไม่ดีนัก ภาพรวมตลาดยังไม่มีปัจจัยชี้นำที่หนุนหรือกดดันอย่างมีนัยยะที่ชัดเจน ทำให้ระยะสั้นยังอยู่ในช่วงพักและสร้างฐานหลังจากปรับขึ้นแรงในเดือน ธ.ค. ส่วนวันนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามเช้านี้คือ GDP ของจีน และผลประกอบการของ TISCO เรายังมองว่า SET Index ยังมีแนวโน้ม Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้ บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยเร่งตัวใน 4Q23-2024 ด้าน Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีต ทั้งในแง่ PER ที่ราว 14.8 เท่าและ EY Gap ที่กว่า 4%
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนต้มกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า
หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : ITEL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท
- เราคาดกำไร 4023 โต 15% q-q เป็น 79 ลบ. เป็นไตรมาสสูงสุดของปี และจบปี 2023 ด้วยกำไรปกติ 269 ลบ. +2% y-y เป็นปีแห่งความท้าทายแต่ผ่านไปแล้ว ล่าสุด ITEL ซื้อ กิจการ GLS 100% ในราคา 40 ลบ. อาจมีกำไรทางบัญชีเข้ามาใน 1Q24 การซื้อ GLS ช่วย ต่อยอดไปสู่ Health tech ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโต
- GLS เป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ เชี่ยวชาญด้าน CT scan / MRI scan ปัจจุบันมีลูกค้าเป็นโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน สินค้าเป็นสินค้าจำเป็นและอยู่ในตลาดที่โตสูง เราคาดกำไรปี 2024 กลับมาโต +20% y-y ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE เพียง 10.7 เท่า
- แนวรับ 2.46 บาท แนวต้าน 2.70-2.94 บาท
Fund Flow : วันศุกร์กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$198 ล้าน โดยออกจากเกาหลีใต้เป็นหลัก US$292 แต่ไหลเข้าไต้หวันบางๆ US$16 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้าอินโดนีเซีย US$72 ล้าน และไหลออกจากไทยอีก US$2 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลจากสถานการณ์สงครามที่ยืดเยื้อ และท่าทีของจีนที่มีต่อชัยชนะของประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ส่งออกจีนธ.ค. ดีกว่าตลาดคาด และจับตาตัวเลข GDP growth จีนปี 2023 โดยตัวเลขส่งออกจีนเดือนธ.ค. +0.5% m-m , +2.3% y-y สูงสุดในรอบ 15 เดือน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ +1.7% y-y ขณะที่ตัวลขนำเข้า -0.6% m-m, +0.2% y-y ต่ำกว่าตลาดคาดเล็กน้อย แม้ตัวเลขทั้งปี 2023 ส่งออกติดลบ 4.6% y-y เป็นปีแรกตั้งแต่ปี 2016 และนำเข้าติดลบ 5.5% y-y อย่างไรก็ตาม ตัวเลขส่งออกเดือนธ.ค. 2023 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวการค้าโลกและน่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกของไทย ที่สำคัญวันที่ 17ธ.ค. นี้ ต้องจับตารายงานตัวเลขจีดีพีจีนปี 2023 ตลาดคาด +5.3% เพิ่มขึ้นจาก +4.9% ในปี 2022 หากออกมาดีตามคาดก็จะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาค
(+) CPAXT คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 3.1 พันลบ. +81% q-q, +15% y-y โดยคาด SSSG ของ MAKRO +3% และ Lotus’s +5% จากการฟื้นตัวของการบริโภคและนักท่องเที่ยว รวมถึงการเติบโตของยอดขาย Omni-channel โดยเห็นการฟื้นตัวของ Lostus’s มากกกว่าที่เราคาดจากการปรบ Format เน้นกลุ่มสินค้าอาหารสด ขณะที่ Gross margin เพิ่มขึ้นจากการ Product mixed เน้นสัดส่วนสินค้ากลุ่ม Fresh เพิ่มขึ้น สำหรับ SG&A ปรับลงจากค่าไฟที่ยังอยู่ระดับต่ำเราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2023 ขึ้นเพื่อสะท้อน 4Q23 ที่สูงกว่าที่เคยคาดเป็น 8.6 พันลบ. +12% y-y จากการฟื้นตัวของ Lotus’s ที่ดีกว่าคาด และปรับกำไรปี 2024-25 ขึ้นเป็น +27% y-y และ +17% y-y ตามลำดับ คงราคาเป้าหมาย 36 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) กลุ่มเดินเรือ หุ้นกลุ่มเดินเรือในภูมิภาคกลับมาปรับขึ้นหลังจากพักฐานมา 4-5 วัน รับข่าวอิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมัน St.Nikolas ตอบโต้สหรัฐที่เคยยึดเรือลำนี้และน้ำมันของอิหร่าน เรือบรรทุกน้ำมันเป็นเรือประเภทเดียวกับ PRM แต่ไม่กระทบ PRM เพราะวิ่งในประเทศและแถบเอเชีย และล็อคสัญญาล่วงหน้าทุกลำ ค่าระวางเรือ sensitive กับข่าวแบบนี้ ถ้าจะเล่น แนะนำเพียงเก็งกำไรสั้นๆ
(-) SCC แนวโน้มกำไรปกติ 4Q23 แย่ลงราว 25-30% q-q จาก Spread ของปิโตรเคมีที่ยังคงปรับลง แม้ว่าธุรกิจซีเมนต์ SCGD SCGP จะดีขึ้นบ้างแต่ช่วยไม่ได้ นอกจากนี้ สถานการณ์สงครามในเมียนมาร์อาจทำให้ SCC ต้องตั้งสำรองโรงงานในเมียนมาร์และอาจทำให้ผลสุทธิเป็นขาดทุนราว 400-500 ลบ.ใน 4Q23 การฟื้นตัวของ SCC ล่าช้ากว่าที่หลายฝ่ายคาดมากจาก Demand ของโลกและจีนที่อ่อนแอ และ supply ที่ยังเข้ามาใหม่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม Valuation ถือว่าถูกแต่ขาด catalyst ในรยะนี้เลี่ยงการลงทุนไปก่อน
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 118.04 จุด หรือ -0.31% ปิดที่ 37,592.98 จุดขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdag ปิดบวกเล็กน้อยหลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน โดยการเปิดเผยผลประกอบการที่เป็นไปอย่างไร้ทิศทางของธนาคารต่าง ๆ นั้นได้บดบังปัจจัยบวกจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งสนับสนุนความคาดหวังที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเพิ่มความหวังว่าเฟด และธนาคารกลางรายใหญ่อื่นๆ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ ตลาด ยังได้แรงหนุนจากหุ้นแอร์บัสที่พุ่งขึ้นหลังจากรายงานยอดสั่งซื้อเครื่องบินต่อปีสูงเป็นประวัติการณ์
(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ หลังพรรค DPP ชนะการเลือกตั้งในไต้หวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลข GDP จีนในวันพุธนี้
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.46%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.92% ปิดที่ 72.68ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความตึงเครียดในทะเลแดงซึ่งทำให้เกิดความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานน้ำมัน หลังจากที่สหรัฐและอังกฤษใช้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีกลุ่มกบฏฮฺตีในเยเมน ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 72.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.19%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 32.40 ดอลลาร์ หรือ 1.60% ปิดที่ 2,051.60 ดอลลาร์/ออนซ์ และเพิ่มขึ้นราว 0.1% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผย ตัวเลขเงินเฟ้อจากราคาผู้ผลิตต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟด อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวทรงตัวที่ระดับ 2,051.70 ดอลลาร์/ออนซ์
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 863.84/ –