บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Aeon Thanasinsap (AEONTS)
ยังไม่เน้นกำไรโต…แต่เน้นคุมคุณภาพสินเชื่อ
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +13.8%
Close Jan 11, 2024 Price (THB) 156.00
12M Target (THB) 177.00
Previous Target (THB) 185.00
What’s new?
- AEONTS รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 (สิ้นงวดเดือน พ.ย. 2566) ที่ 706 ลบ. ลดลง 36.0% YoY และ 16.1%QoQ เนื่องจากไม่มีกำไรจากการขายหนี้เสียเข้ามาช่วย และถูกกดดันจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ส่วน 4Q66 (สิ้นงวดเดือน ก.พ. 2566) คาดกำไรฟื้นตัวขึ้น หลังกลับมาขายหนี้เสียให้กับ AMC แต่รายได้ดอกเบี้ยยังฟื้นตัวได้จำกัด
Our view
- แม้ต้นปี 2567 AEONTS จะมีแรงหนุนจากมาตรการ EER ทำให้คาดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่บางส่วนถูกหักล้างด้วยผลของมาตรการ Responsible Lending และนโยบายควบคุมคุณภาพสินเชื่อปล่อยใหม่ของบริษัท อีกทั้งคาดการตั้งสำรองยังทรงตัวสูง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เพียง 13.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ที่ 177 บาท จึงคงคำแนะนำ “TRADING”
กำไรสุทธิ 3Q66 ลดลง 36.0%YoY และ 16.1%QoQ หลังสินเชื่อไม่โต และ NIM ต่ำลง
AEONTS รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 (สิ้นงวดเดือน พ.ย. 2566) จำนวน 706 ลบ. ลดลง 36.0% YoY และ 16.1% QoQ ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด กดดันจาก 1) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยลดลง 16.7% QoQ เพราะไม่มีกำไรจากการขายหนี้เสียให้กับบริษัท AMC เหมือนกับ 2Q66 (สิ้นงวดเดือน ส.ค. 2566) ที่บันทึกกำไรดังกล่าวราว 167 ลบ. และรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งบริการติดตามหนี้และค่านายหน้าประกันภัยปรับตัวลง 2) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิลดลง 1.4% QoQ แม้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินลดลงเหลือเพียง 3.2% จาก 3.6% ใน 2Q66 หลังชำระคืนหนี้เงินกู้ยืมระยะยาวที่มีดอกเบี้ยสูง แต่ไม่เพียงพอที่จะชดเชยผลกระทบจากพอร์ตสินเชื่อที่ชะลอตัวลง 0.1% QoQ และ Asset Yield ที่ลดลงเหลือ 19.8% จาก 20.3% ใน 2Q66 เนื่องจากบริษัทเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิต เพื่อควบคุมคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อ และ 3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.1% QoQ ทำให้ Cost to Income Ratio สูงขึ้นเป็น 43.2% จาก 40.6% ใน 2Q66 ทั้งนี้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลดลง 2.5% QoQ หลัง MPL Ratio เริ่มทรงตัวที่ 6.2% ใกล้เคียงกับ 2Q66 แต่ยังถือว่าเป็นการตั้งสำรองที่ค่อนข้างสูง
ลดประมาณการกำไรปี 2566/67 สะท้อนการตั้งสำรองที่ยังทรงตัวสูง
กำไรสุทธิ 9M66 ของ AEONTS คิดเป็น 61.1% ของประมาณการเดิม หลังการตั้งสำรองลดลงช้ากว่าคาด และบริษัทเพิ่มความเข้มงวดในการขยายสินเชื่อใหม่ ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิในปี 2566/67 ลง 16.0%/14.5% ตามลำดับ โดยภายใต้ประมาณการใหม่เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรสุทธิใน 4Q66 (สิ้นงวดเดือน ก.พ. 2567) คาดโต YoY และ QoQ หนุนจากการกลับมาขายหนี้เสียให้กับ AMC แต่คาดรายได้ดอกเบี้ยจะปรับลงต่อจากผลของต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ขณะที่การเติบโตของสินเชื่อค่อนข้างจำกัด หลัง ธปท. เริ่มบังคับใช้เกณฑ์ Responsible Lending เพื่อควบคุมการปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 ส่วนการตั้งสำรองคาดทรงตัวในระดับสูง เพื่อรองรับการไหลตกชั้นเป็น NPL ของลูกหนี้บัตรเครดิตที่ผ่อนชำระขั้นต่ำ ที่จะได้รับผลกระทบหลังอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำเริ่มขยับขึ้นจาก 5% เป็น 8% ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 เราจึงคาด AEONTS จะมีกำไรสุทธิทั้งปี 2566 (สิ้นปี เดือน ก.พ. 2567) จำนวน 2,975 ลบ. ลดลง 23.9% YoY ก่อนจะพลิกกลับมาโต 19.1%YoY ในปี 2567
คงคำแนะนำ “TRADING” รอสัญญาณบวกจากการลด Credit Cost
แม้ต้นปี 2567 AEONTS จะได้แรงหนุนจากมาตรการ EER ทำให้มองว่าการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลจะเพิ่มขึ้น QoQ แต่บางส่วนถูกหักล้างด้วยผลของมาตรการ Responsible Lending และนโยบายควบคุมคุณภาพสินเชื่อปล่อยใหม่ของบริษัท อีกทั้งคาดการตั้งสำรองยังทรงตัวสูง ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside เพียง 13.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2567 ที่ 177 บาท เราจึงคงคำแนะนำเพียง “TRADING” จนกว่าจะเห็นการตั้งสำรองที่เริ่มต่ำลง