บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Kerry Express (Thailand) (KEX TB)

เดินหน้าเติบโต ยังอยู่ในสถานะการเป็นเจ้าตลาด

แม้การแข่งขันในธุรกิจ CEP จะรุนแรง แต่ในฐานะเจ้าแรก KEX จะเป็นผู้นำตลาดต่อไป พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 7-8% แม้ว่าจะมีรายจ่ายที่สูงขึ้นในปี 64-66 แต่ทว่า FCF Yield ยังคงดี 3% และยอดเงินสดคงเหลืออยู่ในระดับสูง ทำให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับการหา S-curve ใหม่ๆ เช่น ตลาด Cold chain และ/หรือ LTL ที่จะเปิดตัวไตรมาส 4/64 หรือ 1Q65 ซึ่งในการแข่งขันที่เข้มข้น การเข้าไปสู่ตลาดราคาประหยัด (Economy segment) คาดจะส่งผลให้กำไรทรงตัวในปี 64 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดจะเห็นการฟื้นตัวในปี 65 และคาดการณ์กำไรสุทธิจะขยายตัวระหว่างปี 63-66 CAGR ที่ 10% ต่อปี โดยไม่รวม upside จากธุรกิจใหม่ ดังนั้นบนสมมติฐานส่วนแบ่งตลาดอนุรักษ์นิยมที่ 30% เราเริ่มคำแนะนำด้วยราคาเหมาะสม 45.00 บาท/หุ้น คำนวณด้วยวิธี DCF (WACC 8.5%, 5% G)

สภาพคล่องสูง ช่วยหนุนการเติบโตเชิงรุก

โรงคัดแยกและอปุกรณ์ไอทีเป็นต้นทุนคงที่ ส่วนที่เหลือเป็นต้นทุนผันแปร ดังนั้นแม้การขยายธุรกิจสู่ตลาดราคาประหยัดจะลดรายได้ต่อชิ้น (RPP) ลง 22.6% ในครึ่งปีแรก 64 แต่ทว่าต้นทุนต่อชิ้น (CPP) และ
OPEX ก็ลดลงด้วยเช่นกัน 22% และ 23% ตามลำดับ ขณะที่ NPM ยังทรงตัวได้ท่ี 7.3% ปัจจุบันการ
แข่งขันได้ทวีความรุนแรงขึ้นด้วยผู้เล่นสิบราย (ไม่รวมเจ้าของผลิตภัณฑ์) แต่มีเพียงไปรษณีย์ไทย และ KEX เท่านั้น ที่มีกำไร ซึ่งจริงๆแล้วธุรกิจจัดส่งพัสดุเป็นสิ่งจำเป็น และไม่ควรยืดหยุ่น แต่แข่งขันด้านราคาทำให้บริการนี้กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ไปแล้ว ดังนั้นความสามารถในการรักษาฐานทุนและสภาพคล่องจึงเป็นส่ิงสำคัญยิ่ง โดยปริมาณ (Volume) ไม่ใช่ปัญหา โดย Frostand Sullivan คาดการณ์การเติบโตของจำนวนพัสดุ 15% ในปี 65 ซึ่ง ณ ส่วนแบ่งตลาด 30% การเติบโตของพัสดุของ KEX ก็อยู่ที่ 15% เช่นกัน ซึ่งเป็นกรณีฐานของเรา แต่หากการเข้าสู่ตลาดราคาประหยัด ดันให้ส่วนแบ่งตลาดในปี 65 เพิ่มเป็น 35% กำไรสุทธิก็อาจสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 17% ซึ่งเราจะทบทวนประมาณการอีกครั้งเมื่อ KEX เริ่มธุรกิจนี้

การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ส่งผลต่อ e-commerce

การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายอีคอมเมิร์ซในไทยแบบ B2C พุ่งสูงขึ้น โดยการแข่งขันที่รุนแรงส่งผลให้รายได้ต่อชิ้น (RPP) ลดลงแต่ด้วยการบริหาร ALM ท่ียอดเยี่ยมทำให้ KEX ยังทำกำไรได้ ขณะที่คู่แข่งยังขาดทุน โดยความสามารถในการจัดคัดแยกพัสดุมากกว่า 2.0 ล้านชิ้น/วัน บริการที่เช่ือถือได้และมีประสิทธิภาพ KEX จึงมีปริมาณการส่งท่ีสูงพอ และสร้างกำไรสมมติฐานกรณีฐานของเรา CAPU เฉลี่ยประมาณ 50% แต่ในความเป็นจริงแล้วในบางวันก็มากกว่านี้เป็นเท่าตัวอีกด้วย

สังคมการค้าขายไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ประเทศไทยเป็นสังคมการค้ามาโดยตลอด เราคาดว่ากิจกรรมของผู้ค้าเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการระบาดใหญ่คลี่คลาย เนื่องจากผู้คนได้เรียนรู้การสร้างแหล่งรายได้ขึ้นใหม่ด้วย e-commerce เราคาดว่าผู้คนจำนวนมากจะมีส่วนร่วมใน social e-commerce มากขึ้นต่อไปนี้ด้วยเหตุผล 1) ต้นทุนต่ำ และเริ่มต้นได้ด้วยเงินลงทุนไม่มาก 2) มีความยืดหยุ่นในการทำงาน และ 3) เกิดแรงจูงใจในการประกอบอาชีพอิสระ ดังนั้น KEX คือ ทางออกของปัญหาในการนำสินค้าไปสู่ลูกค้าโดยตรง และ KEX จะสามารถเติบโตไปพร้อมกับ e-commerce แบบ C2C นี้ โดย Frost & Sullivan ประเมินการส่งพัสดุต่อประชากรไทยจะแตะ 21 ชิ้นในปี 65 จาก 11.5 ชิ้นในปี 62

มีแผนกระจายการลงทุน

KEX จะเข้าสู่ธุรกิจส่งสินค้าเย็น (Cold Chain) และการส่งแบบไม่เต็มตู้ (LTL) ในไตรมาส 4/64 ซึ่งก็คล้ายๆกับธุรกิจ CEP เดิมที่ KEX ถนัดอยู่แล้ว ซึ่งด้วยประสบการณ์ความสามารถด้านเทคนิค และการนำเสนอโซลูชันครบวงจร เราเชื่อว่า KEX จะได้รับการตอบรับท่ีดี

BUY

Share Price: THB 38.00

12m Price Target: THB 45.00 (+18%)

- Advertisement -