Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนแอ แม้จะมีความพยายามบวกแต่สิ้นวันปิดลบไป 5.30 จุด ปิดที่ 1,401.72 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ยังคงเบาบาง 3.94 หมื่นลบ. แรงขายยังคงอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มค้าปลีก ผิดหวังดิจิตอลวอลเล็ตล่าช้า สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 927 ลบ. นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง 834 ลบ. (และ Short Index Futures 671 สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีแนวโน้ม Sideways ถึง Sideways down แนวรับ 1398-95 จุด จากต่างชาติและสถาบันในประเทศที่ขายต่อเนื่อง ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายทวีปเพิ่มขึ้น ทั้งสถานการณ์จีน-ไต้หวัน และทะเลแดง การโจมตีกลุ่มฮูตีของสหรัฐอาจกระทบอุปทานน้ำมันและการขนส่งสินค้าทางเรือ ซึ่งจะเพิ่มต้นทุนของผู้ประกอบการ ขณะที่ปัจจัยในประเทศไม่มีปัจจัยบวกใหม่ โครงการดิจิตอลวอลเล็ตส่อแววล่าช้า กดดันกลุ่มค้าปลีก ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 1 เดือนหลัง Bond yield ของสหรัฐยังคงยืนเหนือ 4% วันนี้ติดตาม GDP จีน หากต่ำกว่าคาด (ตลาดคาด +5.3% y-y) อาจกดดันหุ้นโภคภัณฑ์ กลุ่มปิโตรเคมี และเรือเทกอง (PSL TTA) ภาพรวมตลาดระยะสั้นยังอยู่ในช่วงพักและสร้างฐาน แต่เรายังมองว่า SET Index ยังมีแนวโน้ม Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้บนสมมติฐานเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยเร่งตัวใน 4Q23-2024 ด้าน Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีต ทั้งในแง่ PER ที่ราว 14.8 เท่าและ EY Gap ที่กว่า 4%

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : TU

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท
  • การตัดสินใจยุติการลงทุนใน Red Lobster (RL) ยอมตั้งด้อยค่าทางบัญชี 1.8 หมื่นลบ. แม้จะทำให้งบปี 2023 พลิกเป็นขาดทุน แต่เป็นผลดีมากกว่าที่จะหยุดรับรู้ผลขาดทุนของ RL หมดความกังวลที่ต้องใส่เงินเพิ่มใน RL ตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน เป็นการยากที่ RL จะฟื้นกลับมาได้เร็ว
  • แม้ว่าการขาดทุนจากรายการพิเศษทางบัญชีจะกระทบอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นเงื่อนไขของหุ้นกู้ แต่เชื่อว่าบริษัทจะขอผ่อนผันและจ่ายปันผลได้ปกติ ในอนาคตหากขาย RL ได้ TU จะกลับรายการด้อยค่าเป็นกำไรได้ ส่วน Operation ฟื้นทั้ง TU และ ITC เราจะปรับเพิ่มกำไรและเป้าปี 2024 เป็น 20 บาทหลังหยุดรับรู้ขาดทุนจาก RL
  • แนวรับ 14.40 บาท แนวต้าน 15 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาคหนาแน่นขึ้นมากเป็น US$1,506 ล้าน กระจุกอยู่ที่ไต้หวัน US$1,457 ล้านจากประเด็นความเสียงด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไต้หวัน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินยังไหลเข้าอินโดนีเซียเป็นวันที่ 9 ติดต่อกันอีก US$104 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยเพิ่มขึ้นอีก US$24 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลออกต่อเนื่องจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ล่าช้า

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) HANA คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 545 ลบ. -19% q-q, ทรงตัว y-y จากปัจจัยฤดูกาล และคำสั่งซื้อจากจีนที่ยังฟื้นช้า แต่ภาพใหญ่แนวโน้มคำสั่งซื้อทั้ง Consumer และ Automotive จะเติบโตดีขึ้นในปี 2024 เป็นบวกต่อ HANA ที่มีสัดส่วนรายได้กระจายหลายกลุ่มสินค้า ทำให้คาดว่ากำไรจะกลับมาฟื้นใน 1H24 และเร่งตัวขึ้นใน 3Q24 ภายหลัง Demand จากลูกค้า Consumer สูงขึ้น และผลการดำเนินงาน SiC เติบโตมากขึ้น เรายังคงคาดกำไรสุทธิปี 2023-24 เป็น +3.3% Y-y และ +7% y-y ตามลำดับ และคงราคาเป้าหมาย 60 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(0) RBF แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q23 อาจอ่อนตัวลง q-q มากกว่าที่เคยคาด อาจอยู่ที่ 173 ลบ. -17.4% q-q, +83.9% y-y โดยกำไรที่อ่อนลง q-q ส่วนหนึ่งคาดมี FX loss สูงราว 22 ลบ. หากไม่รวม FX loss คาดกำไรปกติ 4Q23 ทรงตัว q-q จากมีรายได้ส่งออกบางส่วนส่งมอบไม่ทันในไตรมาสนี้ แม้ 4Q23 อาจสะดุดลงชั่วคราว แต่กำไร 9M23 ทำได้ดีและมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของรายได้ในต่างประเทศด้วยฐานที่ต่ำ เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2023-25 ขึ้น 2.8%/13.6%/12.1% เป็นการเติบโต 41.5%/28.6%/12.5% ตามลำดับ ทำให้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 14 บาท (เดิม 13.50) แต่ด้วย Upside จำกัด ดังนั้นจึงปรับลดคำแนะนำเป็น ถือ หรือ รอซื้ออ่อนตัว

(0) LH ปี 2023 ภาพรวมอ่อนแอกว่าคาด ยอด Presales ต่ำกว่าเป้าราว 34% อยู่ที่ 2.3 หมื่นลบ. (-24% y-y) คาดกำไรปกติ 4Q23 ฟื้น q-q แต่ลดลง y-y จากการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมพัทยา 2 แห่งเข้ากอง REIT ส่วนปี 2024 คาดฟื้นตัวจากฐานต่ำ ตั้งเป้ายอด Presales +35% y-y อยู่ที่ 3.1 หมื่นลบ. และเป้ายอดโอน 2.8 หมื่นลบ. ฟื้นตัวเทียบกับปี 2023 มีแผนการเปิดโครงการใหม่เป็นแนวราบทั้งหมด 11 โครงการ มูลค่ารวม 3 หมื่นลบ. (-31% y-y) กลยุทธ์หลักปี 2024 เน้นเพิ่มสัดส่วน Segment บ้านเดี่ยว High-End ที่บริษัทถนัดและรายได้ Rental ตั้งเป้าโต 11% y-y รวมถึงมีแผนขายสินทรัพย์ 1 แห่ง (คาดเป็น Terminal 21 Pattaya) เข้ากอง REIT คาดปันผลงวด 2H23 ให้ Div. Yield 4.4%

(+) TU แจ้งตลาดฯ 2 เรื่อง 1) ถอนลงทุน Red Lobster (RL) ทั้งหมด และจะบุ๊คด้อยค่าเงินลงทุนทั้งก้อนที่ 1.85 หมื่นลบ. เข้า 4Q23 จะทำให้ทั้งปี 2023 พลิกเป็นขาดทุนราว 1.4 หมื่นลบ. 2) ประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้น (4.3% ของหุ้นทั้งหมด) มูลค่าเงินไม่เกิน 3.6 พันลบ. ระยะเวลาซื้อหุ้นคืน 20 ก.พ.-30 มิ.ย. สาเหตุของการถอนลงทุน RL เพราะประสบผลขาดทุนมาหลายปี เรามองบวกต่อกำไรปี 2024 เป็นต้นไป เพราะ 1. จะไม่มีผลขาดทุนของ RL ถ่วงอีกต่อไป 2. ปลดล็อกความกังวลเรื่องเพิ่มทุน และ 3. หากสามารถขาย RL ได้ในช่วงถัดอาจทำให้ TU รับรู้การกลับรายการดังกล่าวในอนาคต เบื้องต้นหลังถอดขาดทุน RL ออกประมาณการกำไรปี 2024 ของเราจะ +19% เป็น 6.2 พันลบ. ทำให้ราคาเป้าหมายปรับขึ้นเป็น 20 บาท (เดิม 18) หากราคาหุ้นปรับลงตามการด้อยค่า RL นี้ เราแนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 231.86 จุด หรือ -0.62% ปิดที่ 37,361.12 จุด โดยตลาดถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นโบอิ้งและหุ้นแอปเปิ้ล

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากความเห็นของเจ้าหน้าที่ ECB ได้ดับความหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปด้วย

(-) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ ก่อนการประกาศความสำคัญเศรษฐกิจสำคัญของจีนในวันนี้

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่ารุนแรง อยู่ที่บริเวณ 35.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +1.29%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 72.40 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาน้ำมัน ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดง และรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวลงอยู่ที่ระดับ 71.93ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.65%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 21.40 ดอลสาร์ หรือ 1.04% ปิดที่ 2,030.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน ในขณะที่เช้านี้ปรับตัว ขึ้นที่ระดับ 2,031.60 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.07%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 864.40/ +0.06%

- Advertisement -