ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ประกาศเดินหน้าเสนอขายหุ้นไอพีโอ “CREDIT” ในปีนี้ กับโอกาสครั้งสำคัญที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความมั่นคงของธนาคารชั้นนำที่มีคุณภาพ และเป็นหนึ่งในธนาคารเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย สามารถขยายพอร์ตสินเชื่อได้อย่างแข็งแกร่ง โดยงวด 9 เดือนแรกปี 2566 มีพอร์ตแตะระดับ 138,435.1 ล้านบาท เตรียมกางแผนข้อมูลและโชว์ศักยภาพในงาน IPO Public Roadshow ภายในเดือนมกราคมนี้
นายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคารฯ”) กล่าวว่า ปี 2567 ธนาคารฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโตตามแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ด้วยจำนวนหุ้นที่คาดว่าจะเสนอขายทั้งหมด (รวมหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม) ไม่เกิน 347,029,122 หุ้น คิดเป็นไม่เกินร้อยละ 28.2 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของธนาคารฯ ภายหลังการทำ IPO[1] โดยเตรียมจัดงานนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO Public Roadshow) ภายในเดือนมกราคมนี้
ตอกย้ำการเป็นธนาคารพาณิชย์ที่เสนอขายหุ้น IPO ในรอบ 10 ปี และมีจุดเด่นด้วยบริการไมโครไฟแนนซ์ที่เป็นเอกลักษณ์ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลากหลายขนาดและประเภทธุรกิจ รวมถึงการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพและการบริหารจัดการความเสี่ยงที่รัดกุม สะท้อนให้เห็นได้จากเงินให้สินเชื่อมีการเติบโตอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวด 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ มีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยสะสมระหว่างปี 2563-2565 (CAGR) ของเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ อยู่ที่ร้อยละ 33.0 ต่อปี และ ณ งวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 ธนาคารฯ มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ของธนาคารฯ จำนวน 138,435.1 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตในทุกกลุ่มสินเชื่อหลักของธนาคารฯ และมีอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสำหรับปี 2565 และสำหรับ 12 เดือนย้อนหลังนับจากวันที่ 30 กันยายน 2566 เท่ากับร้อยละ 18.9 และร้อยละ 21.8 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังได้รับรางวัลธนาคารเพื่อรายย่อยที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย (Fastest Growing Retail Bank in Thailand) เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (ตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2562) จาก Global Banking & Finance Review ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการเงินและธุรกิจจากสหราชอาณาจักร
สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินกองทุนของธนาคารฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนสำหรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ รวมทั้งนำไปใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) และโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัยของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Security and Infrastructure)
[1] ภายใต้สมมติฐานว่าจะไม่มีการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคารฯ ตามใบสำคัญแสดงสิทธิซึ่งออกให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ (Management Stock Option หรือ MSOP)