SET บ่ายนี้แกว่งตัวในแดนลบต่อไป กรอบ 1,380 – 1,395 จุด / Top pick บ่าย: SABINA
Phillip Strategist Comments
- สรุปตลาดเช้า ดัชนี SET Index ภาคเช้าปิดลบ 12.26 จุด (หรือ -0.87%) ไปอยู่ที่ 1,389.46 จุด แรงกดดันนำโดย BDMS, SCC, AOT และ ADVANC ขณะที่แรงพยุงนำโดย CPALL, BAY และ MINT เช่นเดียวกับภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงจากแนวโน้มเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอ และ CME Fed Watchtool ยังลดโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. นี้เหลือต่ำกว่าระดับ 70% สู่ระดับเพียง 63.3%
- มุมมองตลาดบ่ายนี้: ทางฝ่ายคาดดัชนี SET Index ภาคบ่ายจะแกว่งตัวในแดนลบ แรงกดดันจาก 1) ตลาดยังกังวลแนวโน้มนโยบายการเงินเข้มงวดของ FED และ ECB ด้าน IMF เผยในงาน WEF ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินที่ผ่านมาได้กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐแล้วกว่า 75% ส่วนอีก 25% มองจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐปีนี้ 2) GDPจีน และ อัตราการว่างงานในช่วงเช้าที่ออกมาแย่กว่าตลาดคาดและตัวเลขยอดค้าปลีกที่แย่กว่าคาด จะยังสะท้อนภาพลบต่อตลาดจากการฟื้นตัวของกำลังซื้อที่ยังไม่ดีนัก 3) โครงการ Digital Wallet ของรัฐบาลมีแนวโน้มที่จะออกนโยบายไม่ทันตามแผนเดิม ทางฝ่ายมองจะเป็นลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจจากการชะลอการบริโภคเพื่อรอนโยบาย โดยเฉพาะจากช่วง 4Q66 ซึ่งเป็น High Season จะยังไม่กลับมาเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังถูกกดดันจาก กกพ.คาดค่าไฟงวด พ.ค. – ส.ค. 67 อาจไม่ต่ำกว่า 4.25-4.26บาทต่อหน่วย และ 4)แรงกดดันจาก Fund-flow ไหลออกจากต่างชาติยังเดินหน้าขายหุ้นไทยกว่า 9 ใน 11 วันทำการของปีนี้ คิดเป็นการขายสุทธิแล้วกว่า 7.6 พันลบ. MTD 5) สอท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมลดลงจากเดือน พ.ย. ที่ 90.9 จุด สู่เดือน ธ.ค. ที่ 88.8 จุด จากเกือบทุกองค์ประกอบ ทั้งยอดขายรวม, ปริมาณการผลิต และผลประกอบการที่เลวร้ายลง ขณะที่ปัจจัยพยุงยังมีพอมีบ้างจาก 1) NBS จีนที่กลับมาเผยตัวเลขอัตราว่างงานในกลุ่มกำลังแรงงาน 16-24 ปี ลดลงอีกครั้งในรอบ 6 เดือน สะท้อนว่าข้อมูลอยู่ในระดับที่ดีขึ้นในระดับที่จะสามารถเปิดเผยได้ และ 2) ทางฝ่ายคาดแรงหนุนแบบ Selective จากแรงเก็งกำไรงวด 4Q66 และ งบปี 66 ของบริษํทจดทะเบียน
- Top pick: SABINA คาดได้ประโยชน์จากช่วง High Season 4Q66 ที่ผ่านมาจะช่วยหนุนให้งบงวด 4Q66 มีโอกาสเติบโตได้ทั้งแบบ q-q และ y-y ทั้งแรงหนุนจืากปี 66 เป็นปีแรกเต็มปีที่ไม่มี Covid-19, การออก แคมเปญส่งเสริมการขายต่าง ๆ เช่น Get Lucky Bag ถุงสุ่มส่องอนาคต, การเปิดตัวสินค้าใหม่ Wear & Go เพื่อช่วยกระตุ้นยอดขายปลายปี ขณะที่ช่วงต้นปี 1Q67 มองยังได้ประโยชน์จากมาตรการ Easy E-Receipt การเปิดตัวสินค้าใหม่และการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ