บล.บัวหลวง:
Thai Union Group (TU TB / TU.BK)
TU – TU จะออกจากเรด ล็อบเตอร์
TU ประกาศว่าจะมีการด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียวในงบการเงินไตรมาส 4/66 ของบริษัท จากการลงทุนในเรด ล็อบเตอร์ (RL) ปัจจัยนี้จะช่วยคลายความกังวลของตลาด โดยเราเห็นอัพไซด์ 10% จากประมาณการกำไรปี 2567 จากการไม่มีการขาดทุนของ RL อีกต่อไป
TU จะรับรู้การด้อยค่าของ RL ราว 1.85 หมื่นล้านบาท
TU ถือหุ้น 49% ในเรด ล็อบเตอร์ (RL) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดของโลก จาก Golden Gate Capital ในเดือน ต.ค. 2559 โดย TU จ่ายเงิน 575 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วย 230 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับหุ้น 25% ใน RL และ 345 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับหุ้นบุริมสิทธิเท่ากับการถือหุ้นอีก 24% ทำให้ TU เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน RL ต่อมาในเดือนส.ค. 2020 Golden Gate Capital ขายหุ้นที่เหลืออยู่ใน RL ให้กับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ของ TU และผู้บริหาร RL โดยนับตั้งแต่การซื้อกิจการ TU ได้รับรู้ถึงส่วนแบ่งขาดทุนจำนวน 3.8 พันล้านบาท เราคิดว่าเป็นเรื่องสมเหตุสมผล ที่ TU จะต้องตัดปัญหาการขาดทุนของการลงทุนนี้ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
ผลกระทบต่องบการเงินของ TU
ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2565 TU ถือหุ้น 49% ใน RL ผ่านเงินลงทุนมูลค่า 3.47 พันล้านบาท และหุ้นบุริมสิทธิที่มูลค่ายุติธรรม 1.54 หมื่นล้านบาท เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้บริหารได้ประกาศด้อยค่าการลงทุน RL จำนวน 1.85 หมื่นล้านบาท โดยค่าใช้จ่าย 1.85 หมื่นล้านบาทจะถูกบันทึกในงบการเงินไตรมาส 4/66 และจำนวน 1.85 หมื่นล้านบาทจะถูกตัดออกจากทั้งสินทรัพย์และส่วนของผู้ถือหุ้นจากประกาศของ TU เราคาดเบื้องต้นว่าขาดทุนสุทธิปี 2566 จะอยู่ที่ 1.43 หมื่นล้านบาท (ก่อนหน้านี้เราคาดการกำไรไว้ 4.2 พันล้านบาท) นอกจากนี้ปัจจุบันเรามองว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของปีที่แล้วอยู่ที่ 0.88 เท่า (เพิ่มขึ้นจากสมมติฐานเดิมของเราที่ 0.62 เท่า) แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ ทุนที่ตั้งไว้จะต่ำกว่าข้อกำหนดของ TU ที่ 2 เท่า แต่ยังมีอัตราส่วนอื่นที่ต้องขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้เพื่อยกเว้นรายการที่ไม่ใช่เงินสดนี้ จากการคำนวณ อัตราส่วน และจะทำให้สามารถจ่ายเงินปันผลได้ในครึ่งหลังของปี 2566 แม้จะรายงานขาดทุนสุทธิในปี 2566
ยกภูเขาออกจากอก-เป็นบวกต่อ TU
เรามองว่าการออกจากการลงทุน RL ของ TU เป็นผลบวกต่อบริษัทและราคาหุ้นในระยะยาว แม้ว่าผลกระทบเชิงลบในระยะสั้นส่งผลให้รายงานขาดทุนสุทธิในงบการเงินไตรมาส 4/66 และปี 2566 ผู้บริหารประกาศว่าบริษัทจะหยุด บันทึกผลขาดทุนที่เกี่ยวข้องกับ RL เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1/67 เป็นต้นไป ดังนั้นประมาณการกำไรปี 2567 ของเราจึงคาดว่าจะมีอัพไซด์ราว 10% (ก่อนการประกาศของ TU เราคาดไว้ว่าจะเห็นส่วนแบ่งขาดทุนในปี 2567 ที่ 537 ล้านบาท จากการถือหุ้นใน RL) เนื่องจากประมาณการกำไรของเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% ราคาเป้าหมายปี 2567 อิงจากวิธีคิดลดกระแสเงินสดของเรา จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 17.80 บาท ไปเป็น 19 บาท