บล.พาย:

TU Thai Union Group 4Q23 คาดกำไร 1,481 ล้านบาท

เราคาดผลประกอบการงวด 4Q23 TU จะมีกำไรสุทธิ 1,481 ล้านบาท (+20%YoY, +23%QoQ) ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหาร สัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ได้รับผลดีจากต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขันต้นดีขึ้น แม้ว่าในส่วนของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปอย่างทูน่ากระป๋องจะมีรายได้ลดลงเพราะราคาขายลดลงตาม ต้นทุนปลาทูน่า โดยเราคาดรายได้จะสูงสุดของปีที่ 35,317 ล้านบาท (-11%YoY, +4%QoQ) สำหรับปี 24 เบื้องต้นเรายังคงคาดว่ากำไรมีโอกาสออกมาดีกว่า คาดหลังจากไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจาก Red Lobster เข้ามา โดยเราจะมีการปรับประมาณ การหลังผลประกอบการออกมา ดังนั้นเราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม

คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 1,501 ล้านบาท

  • เราคาดว่ากำไรสุทธิงวด 4Q23 จะอยู่ที่ 1,481 ล้านบาท (+20%YoY, +23%QoQ)
  • รายได้คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีที่ 35,317 ล้านบาท (-11%YoY, +4%QoQ) เทียบกับปีก่อนจะลดลงมากในส่วนของธุรกิจอาหารแช่แข็ง ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการปรับขนาดสินค้าให้เหมาะสมมากขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหารสัตว์เลี่ยงที่ยังลดลงจากปีก่อนจากฐานที่สูง ส่วนการเติบโตจาก 3Q23 ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และอาหารแช่แข็งที่ฟื้นตัวหลังจาก ลูกค้ามีการสั่งไปเพื่อขายช่วงเทศกาลปลายปี ส่วนธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปคาดว่าจะลดลงเล็กน้อย เพราะมีความล่าช้าในการจัดส่งจากปัญหาความไม่สงบที่ทะเลแดง (แต่จะมารับรู้ในช่วง 1Q24 แทน) รวมถึงการลดลงของราคาปลาทูน่าที่ทำให้ราคาขายต้องปรับลดลง ด้วยในส่วนของสินค้ากลุ่ม OEMS
  • กำไรขั้นต้นคาดไว้ที่ 18% ดีขึ้นจาก 17.3% ใน 4Q22 เพราะธุรกิจอาหารแช่แข็งยังได้รับผลดีจากต้นทุนตำอยู่ แต่หากเทียบกับ 3Q23 จะลดลงเล็กน้อยจาก 18.4% เพราะกำไรขันต้นธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมีกำไรที่ลดลงเล็กน้อย ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ 4,203 ล้านบาท (-6%YoY,+4%QoQ)
  • ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมคาดไว้ที่ 267 ล้านบาท ลดลงจาก 313 ล้านบาทใน 4Q22 แต่ขาดทุนเพิ่มจาก 234 ล้านบาทใน 3Q23 โดยไตรมาสนี้คาดว่า Red Lobster จะรับรู้ขาดทุนเข้ามากว่า 452 ล้านบาท (รวมผลขาดทุนจากการปรับปรุงบัญชีไตรมาสละ 100 ล้านบาท) เทียบกับ 455 ล้านบาทใน 4Q22 และ 496 ล้านบาทใน 3Q23
  • รวมทั้งปี TU จะมีรายได้ 135,941 ล้านบาท (-13%YoY) และมีกำไรสุทธิ 4,737 ล้านบาท (-34%YoY) ทั้งนี้เรายังไม่รวมการด้อยค่าเงินลงทุนใน Red Lobster ที่จะเข้ามาประมาณ 18,500 ล้านบาท

คาดปี 24 ดีขึ้นหลังไม่มี Red Lobster มาถ่วง

แนวโน้มในปี 24  คาดว่าผลประกอบการจะเห็นการฟื้นตัวได้ โดยเฉพาะจากธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่ยังเห็นแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังไม่ต้องมีการรับรู้ผลขาดทุนจาก Red Lobster ที่จะเข้ามาปีละกว่า 500-1,000 ล้านบาท (แต่จะรับรู้ได้ไม่เต็มเพราะต้องกลับไปจ่ายภาษีหลังจากมีรายได้ภาษีเข้ามาจากการที่ธุรกิจ Red Lobster ขาดทุนหนักเหมือนที่เกิดในปี 22-23) เบื้องต้นเราประเมินกำไรสุทธิที่ 6,021 ล้านบาท (+27%YoY) โดยอาจจะมีการปรับประมาณการหลังผลประกอบการรายงานออกมารวมแล้วเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม โดยประเมิน มูลค่าเหมาะสมที่ 19.7 บาท (16XPER 24E) นอกจากนี้ TU ประกาศซื้อหุ้นคืน 200 ล้านหุ้นวงเงิน 3,600 ล้านบาท เริ่ม 20 ก.พ. ถึง 30 มิ.ย. 24

- Advertisement -