KS Daily View 18.01.2024 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด ตลาดโดนกดดันจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ บอนด์ยีลด์พุ่งทะลุ 4.1% น้ำมัน WTI ปรับตัวลง 2% กังวลเศรษฐกิจจีน หุ้นแนะนำ PTG

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.25%, S&P 500 -0.56%, NASDAQ -0.59%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Consumer Staples (-0.12%), Health Care (-0.24%), Financials (-0.28%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Real Estate (-1.87%), Utilities (-1.55%), Consumer Discretionary (-0.91%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index -21.07 จุด หรือ -1.50% ปิดที่ 1,380.65 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AMATA (-7.47%), M (-6.62%), WHA (-5.39%), HMPRO (-5.08%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ ERW (+2.98%), BSRC (+2.86%), TU (+2.74%), TKN (+1.98%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด ตลาดโดนกดดันจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ สำหรับปัจจัยในประเทศ Digital Wallet ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งนักลงทุนรอการประกาศงบไตรมาส 4/66 ซึ่งจะทยอยประกาศออกมาต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป สำหรับภาพต่างประเทศ วานก่อนตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงหลังจีนประกาศ GDP ปี 2566 ต่ำคาด (โต 5.2% ต่ำกว่าคาดที่ 5.3%) ราคาน้ำมัน WTI ก็ปรับตัวลงกว่า 2% หลุดระดับ 71 ดอลลาร์ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา อีกทั้งคืนก่อนตลาดสหรัฐก็ปรับตัวลงเช่นกัน หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องกับมุมมองของเราว่าตลาดในช่วงครึ่งปีแรกจะเข้าสู่ช่วงพักฐานจากภาวะ Reverse Goldilock บนความไม่สอดคล้องกันที่เพิ่มขึ้นระหว่างความคาดหวังของตลาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในลักษณะเชิงรุกกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. นักลงทุนยังคงพากันปรับลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่ง (ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4%) ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี พุ่งทะลุ 4.1% ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 57.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 63.1% เมื่อวานนี้ โดยการประชุม FOMC ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค.
  2. นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ยืนยันว่า รัฐบาลยังเดินหน้าโครงการตามเดิม แม้จะต้องยอมรับว่าเวลาในการดำเนินโครงการจะเริ่มตึง เนื่องจากกำหนดการในเดือน พ.ค. 67 ก็ใกล้เข้ามาทุกที
  3. ผู้ถือหุ้นกู้ ITD 4 จาก 5 รุ่นโหวตผ่านทั้งสองวาระ ขณะที่อีก 1 รุ่นล็อตใหญ่ไม่ครบองค์นัดใหม่ 31 ม.ค. ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นกู้ ITD 4 จาก 5 รุ่นโหวตผ่อนผัน D/E ระหว่างปี 2566-2568 และขยายวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ไปอีก 2 ปี แลกกับการจ่ายอัตราดอกเบี้ย เพิ่มอีก 0.25% ต่อปี ในปีที่ 1 และเพิ่มอีก 0.50% ต่อปี ในปีที่ 2 โดยจะชำระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทั้งหมดเพียงครั้งเดียวในวันครบกำหนดไถ่ถอน ขณะที่หุ้นกู้รุ่น ITD254A ไม่สามารถจัดการประชุมได้เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุม จึงต้องเลื่อนการประชุมออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค. 67
  4. ราคาหุ้น WHA ลดลง 5.4% วานนี้ คาดว่าเป็นผลจากข่าว เรื่อง KIA motor จากเกาหลี เลื่อนแผนการลงทุนในไทยออกไป โดยตามข่าวเป็นการลงทุนผลิตรถ 250,000 คัน ซึ่งเราคาดเป็นพื้นที่ราว 500-600 ไร่ เราพูดคุยกับผู้บริหาร WHA พบว่าบริษัทมีลูกค้าในมืออยู่จำนวนมาก และหลายรายมีความสนใจในที่ดินแปลงเดียวกัน หาก KIA ตัดสินใจไม่มาลงทุนในไทยจริง จึงยังมี demand ลูกค้าอื่นๆที่มากพอมาชดเชย demand ในส่วนนี้ (หาก KIA ตัดสินใจซื้อที่ดินของ WHA)
  5. ธนาคารไทยเครดิต เปิดเผยว่า ในปี 67 ธนาคารฯ พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโตตามแผนเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ด้วยจำนวนหุ้นที่คาดว่าจะเสนอขายทั้งหมด รวมหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายโดยธนาคารฯ และหุ้นสามัญที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม ไม่เกิน 347 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 28.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของธนาคารฯ โดยเตรียมจัดงานนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก หรือโรดโชว์ ภายในเดือน ม.ค.นี้

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,390 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ความคืบหน้าของ พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. เพื่อทำดิจิตอลวอลเล็ต ซึ่งล่าสุดฐานเศรษฐกิจรายงานข่าวว่ารัฐบาลอาจยุติการออก พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว และหันไปใช้ พรบ. งบประมาณปี 2568 แทนพร้อมลดวงเงินเหลือ 3 แสนล้านบาท จากหนังสือตอบกลับของกฤษฎีการะบุเงื่อนไขข้อจำกัดทางกฎหมาย รวมถึงการประกาศผลประกอบการ 4Q23 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่  การผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือน ธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน ธ.ค. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและอังกฤษ รวมถึงตัวเลขจีดีพี 4Q23 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. ของจีน

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • PTG (ราคาพื้นฐาน 10.20 บาท) Sentiment บวกจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงกว่า 2% หลุดระดับ 71 ดอลลาร์คืนก่อน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2566 ของ PTG เราคาดจะทำระดับสูงสุดของปี จากปริมาณการขายน้ำมันที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ เราคาดว่ากำไรสุทธิของ PTG จะเพิ่มขึ้นเป็น 400-500 ลบ.ในไตรมาส 4/2566 มากกว่ากำไร 9M2566 รวมกัน (กำไรช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็นแค่ 43% ของประมาณการทั้งปีของเรา)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขอนุญาตสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ (Building permits) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.48 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.467 ล้านยูนิต ต่อด้วยตัวเลขสร้างบ้านใหม่ (Housing starts) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 1.415 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.56 ล้านยูนิต และติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิต (Philly Fed manufacturing index) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ -5.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -10.5 จุด
  • วันศุกร์ ติดตามการให้สัมภาษณ์ของประธานธนาคารกลางยุโรป นาง Christine Lagarde ที่มีกำหนดการให้สัมภาษณ์ในเวทีงาน World Economic Forum ที่ Davos ในประเด็น The Global Economic Outlook และติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของสหรัฐฯ (Prelim UoM consumer sentiment) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 68.8 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 69.7 จุด
- Advertisement -