ADVICE เคาะราคา IPO 3.24 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อ 22-24 ม.ค. ปักธงเทรด SET ม.ค. นี้
บมจ.แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท หรือ ADVICE เคาะราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 3.24 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อวันที่ 22-24 มกราคมนี้ มั่นใจนักลงทุนตอบรับดี จากปัจจัยพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ชูโอกาสการเติบโตสอดรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเปลี่ยนผ่านสู่นวัตกรรมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร ตอกย้ำ ADVICE เป็น 1 ใน 4 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ที่มียอดขายสูงสุดของประเทศ พร้อมนำเงินระดมทุนขยายสาขา – ขยายธุรกิจ ปักธงเทรด SET ม.ค. นี้ หมวดธุรกิจกลุ่มธุรกิจบริการ /พาณิชย์
บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 27.42% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ตลอดจน ผู้ร่วมจัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คือ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง ผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซียพลัส จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE จำกัด ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 3.24 บาท จะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 22-24 มกราคมนี้ และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนมกราคมนี้ ในหมวดธุรกิจบริการ /พาณิชย์ สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 3.24 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 10.00 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 30กันยายน 2566 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ที่ 620,000,000 หุ้น (Fully-Diluted)
ทั้งนี้ ADVICE พิจารณานำ P/E ของคู่เทียบในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 16 มกราคม 2567 มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่ง P/E ของบริษัทเทียบเคียงโดยตรง (กลุ่มผู้ค้าปลีกสินค้าไอที) ซึ่งอยู่ในหมวดธุรกิจเดียวกับบริษัท ได้แก่ COM7 มี P/E Ratio อยู่ที่ 18.63 เท่า ขณะที่ P/E ของบริษัทเทียบเคียงโดยอ้อม (กลุ่มผู้ค้าส่งสินค้าไอที) ซึ่งได้แก่ SIS SVOA และ SYNEX มี P/E อยู่ในช่วงระหว่าง 12.37 – 15.13 เท่า ซึ่งราคาเสนอขายหุ้นที่ P/E 10.00 เท่า คิดเป็นส่วนลดจากค่าเฉลี่ย P/E ของบริษัทเทียบเคียงโดยตรงราว 46.3%
อย่างไรก็ดี ADVICE พร้อมเดินหน้าจัดงานโรดโชว์ นำเสนอข้อมูลสรุปการเสนอขายหุ้น IPO ต่อนักลงทุนรายย่อย ชูปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ จุดเด่นของ ADVICE เป็นบริษัทชั้นนำ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 25 ปี มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจและเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดค้าปลีกสินค้าไอที พร้อมโอกาสในการเติบโตจากการเปลี่ยนผ่านสู่นวัตกรรมยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านไอทีแบบครบวงจร เป็น 1 ใน 4 ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ที่มียอดขายสูงสุดของประเทศ จึงเชื่อว่าการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทำให้มีข้อได้เปรียบ
ในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่น ในด้านความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายสินค้า ส่งผลให้ในปัจจุบัน ADVICE มีฐานลูกค้าปลีกและค้าส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกระจายอยู่ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
นายณัฏฐ์ ณัฐนิธิการัชต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 527.3 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) เพื่อใช้สำหรับ 1.การลงทุนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงการขยายสาขาของบริษัทฯ และการปรับปรุงสาขาเดิมของบริษัทฯ 2.ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 3.เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการจัดซื้อสินค้า และ 4.ลงทุนปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยมั่นใจว่าหลังจากระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนฐานทุนบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เตรียมพร้อมสำหรับขยายไปยังโอกาสใหม่ๆ และสนับสนุนให้ ADVICE ก้าวสู่การเป็นหุ้นบริษัทไอทีอันดับหนึ่งของประเทศ ให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านร่วมเติบโตไปกับเรา และมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้ประชาชนในประเทศสามารถเข้าถึงสินค้าไอทีและนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมในทุกพื้นที่
พร้อมวางเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดผ่านการขยายสาขาและร้านค้าแฟรนไชส์ รวมทั้ง ยอดขายผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ พร้อมกับการขยายสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Apple อย่างเป็นทางการ ภายในไตรมาส 1/2567 หากได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ บริษัทฯ จะเปิดร้าน “iStudio by Advice” เพื่อวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Appleอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้ง การเพิ่มรายได้เสริมผ่านศูนย์บริการและรับซ่อมสินค้าอย่างเป็นทางการ การเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นผ่านการปรับประเภทผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย และขยายฐานลูกค้าองค์กร นอกจากนี้ เพิ่มความสามารถในการทำกำไรผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่จะรักษาความเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่งสินค้าไอทีแบบครบวงจร ด้วยผลกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกับคู่ค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าในช่วง 3 ปีข้างหน้า จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้น โดยคาดว่าจะมีหน้าร้าน Advice รวมทั้งสิ้น 390 แห่ง ผ่านการเปิดสาขาของบริษัทเพิ่มอีก 20 แห่ง ในทำเลที่มีศักยภาพ โดยเน้นพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก พร้อมขยายสาขาแฟรนไชส์อีก 30 แห่ง
ด้าน นางรัชดา เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ ADVICE เปิดเผยว่า สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2563 – 2565) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 12,541.2 ล้านบาท 14,305.8 ล้านบาท และ 14,388.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) เท่ากับร้อยละ 8.1 ต่อปี มีกำไรสุทธิจำนวน 233.8 ล้านบาท 430.2 ล้านบาท และ 205.7 ล้านบาทตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการจำนวน 10,336.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8.2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงที่ดีกว่าภาพรวมตลาด อันเนื่องมาจากการปรับฐานเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ 9 เดือนของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 136.5 ล้านบาท
บริษัทฯ มีรายได้ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 65 จากธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที ซึ่งเป็นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางสาขาของบริษัทฯ และช่องทางออนไลน์ รวมถึงการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าองค์กร ขณะที่รายได้อีกประมาณร้อยละ 35 มาจากการค้าส่งสินค้าไอทีให้แก่สาขาแฟรนไชส์และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในจังหวัดต่างๆ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจบริการ ซึ่งเป็นการให้บริการซ่อมแซมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นหลัก
โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 บริษัทฯ มีสาขา “Advice” รวมทั้งสิ้น 338 สาขา ประกอบด้วย สาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของจำนวน 110 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และในจังหวัดที่สำคัญของประเทศไทย และสาขาแฟรนไชส์อีก 228 แห่ง กระจายอยู่ในแหล่งชุมชนในอำเภอและจังหวัดต่างๆ ครอบคลุม 75 จังหวัด ในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว บริษัทฯ มีนโยบายลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันบริษัทฯ ถือเป็นผู้จำหน่ายสินค้าไอทีที่มีการกระจายตัวของหน้าร้านครอบคลุมพื้นที่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ