บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Ngern Tid Lor (TIDLOR.BK/TIDLOR TB)*

ต้นทุนในการดูแลคุณภาพสินทรัพย์เพิ่มขึ้น

Event

ประมาณการ 4Q66, ปรับประมาณการกำไรเต็มปี, และปรับลดคำแนะนำ

lmpact

ต้นทุนในการดูแลคุณภาพสินทรัพย์เพิ่มขึ้น

TIDLOR เผยว่าคชจ. (credit cost) และผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาจะเพิ่มขึ้นใน 4Q66 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทพยายามจะบริหารจัดการสัดส่วน NPL ratio ทำให้ credit cost น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น / 3.6% (จากไตรมาสละ 3.1% ใน 1Q66-3Q66) ซึ่งจะทำให้ credit cost เต็มปีอยู่ที่ประมาณ 3.2-3.3% ทั้งนี้ (red cost ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหนี้เสียที่ผิดนัดชำระเป็นเวลา 180 วันแล้ว นอกจากนี้ ราคารถมือสองที่ลดลงอย่างมาก ทำให้บริษัทต้องบันทึกผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น ซึ่งผลขาดทุนในส่วนนี้จะถูกบันทึกผ่านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ต้นทุนการจัดการหนี้ยังคงสูงต่อเนื่องในปี 2567

ถึงแม้บริษัทจะคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น แต่ยังไม่ได้สะท้อนถึงราคารถมือสองที่ปรับลดลงมาอย่างรุนแรงในช่วงนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะราคารถกระบะมือสองที่รถลงมากกว่ารถเก๋งและรถมอเตอร์ไซค์มือสอง ซึ่งตามโครงสรางสินเชื่อของ TIDLOR สัดสวนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเก่งอยู่ที่ 60%, รถกระบะ 18%, และรถมอเตอร์ไซด์ 20% ทั้งนี้ การที่บริษัทมีการปล่อยกู้สินเชื่อรถกระบะสูง สถานการณ์ในปัจจุบันอาจจะบีบให้บริษัทต้องคง credit cost ไว้ที่ระดับสูงในปี 2567

คาดว่ากำไรใน 4Q66F จะอยู่ที่ 904 ล้านบาท (-10% QoQ, +9% YoY, +4% ในปี 2566F)

ถึงแม่ว่าความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk) จะสูงขึ้นใน 4Q66 แต่บริษัทยังสามารถปรับเพิ่ม yield สินเชื่อให้ชดเชยความเสี่ยงที่แวดล้อมได้ ดังนั้น yield สินเชื่อจึงทรงตัว แต่ต้นทุนทางการเงินเร่งตัวขึ้น ทำให้ NIM ลดลงเกือบ 30bps ทั้ง QoQ และ YoY ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมา ซึ่งทำให้สัดส่วนต้นทุนรายได้ (C/I) เพิ่มขึ้นเป็น 58% (จาก 52-55% ในไตรมาสที่ผ่าน ๆ มา) ส่วน Credit cost ก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.6% ใน 4Q66 จากค่าเฉลี่ย 3.1% ในงวด 9M66 ทั้งนี้ TIDLOR บันทึกผลขาดทุนจากการขาย NPA ประมาณ 250 ล้านบาทใน 3Q66 (570 ล้านบาทในงวด 9M66) ซึ่งเราใช้สมมติฐานว่าจะบันทึกอีกประมาณ 300 ล้านบาทใน 4Q66F

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 3%/9%

เราปรับสมมติฐาน credit cost ปี 2566/2567 เป็นปีละ 3.2% (จากเดิม 3.1%/3.1%), ปรับเพิ่มผลขาดทุนจากการขาย NPA เป็น 877 ล้านบาท/670 ล้านบาท (จากเดิม 700 ล้านบาท/420 ล้านบาท) ในขณะเดียวกัน เรายังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566/2567 เอาไว้เท่าเดิมที่ 17.5%/15% นอกจากนี้ เรา ยัง de-rate PE เหลือ 15x (จากเดิม 16.5x) ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2567F ของเราลดลงเหลือ 22 บาท (จากเดิม 27 บาท)

Risks

ราคารถมือสองลดลงไปอีก, NPLs จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น, credit cost สูงขึ้น

- Advertisement -