Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เปิดในแดนลบและไหลลงลบมากสุดของวัน 6.57 จุด ก่อนจะรีบาวด์บวกสูงสุด 6.88 จุด แต่แรงขายกลุ่มแบงก์ ปีโตรเคมี แพคเกจจิ้ง ค้าปลีกทำให้สิ้นวันปิดลบไป 2.72 จุด ปิดที่ 1,377.93 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขาย 5.1 หมื่นลบ. นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 อีก 2.65 พันลบ. และ Short index futures อีก 8,227 สัญญา ขณะที่สถาบันในประเทศซื้อหุ้นบางๆ 171 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : แนวโน้ม SET Index เคลื่อนไหว Sideways กรอบ 1370-1390แม้ว่าดาวโจนส์จะพลิกมาบวก แต่ปัจจัยโดยรวมยังค่อนข้างเป็นลบ Bond yield สหรัฐอายุ 10 ปียังขยับสูงต่อเป็น 4.16% แนวโน้ม Fed น่าจะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงนาน กระแสเงินทุนของต่างชาติยังไหลออกจากภูมิภาค ปัจจัยในประเทศเองไม่มีปัจจัยบวกใหม่ วันนี้ติดตามงบกลุ่มแบงก์ที่เหลือ อังคารหน้าติดตามการประชุม ครม. และพุธหน้าติดตามความคืบหน้าของนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต ตลาดยังอยู่ในช่วงพักและสร้างฐาน แต่เรายังมองว่า SET Index ยังมีโอกาส Outperform หุ้นโลกได้ในปีนี้บนสมมติฐานเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยฟื้นตัว ขณะที่ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพงเทียบกับอดีตทั้งในแง่ PE ที่ 14.5 เท่าและ EY Gap ที่กว่า 4%
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // ถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มที่ระดับ 1,400 จุดหรือต่ำกว่า
หุ้นเด่นเดือน ม.ค.: CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD
หุ้นเด่นวันนี้ : SAFE
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 25 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 4Q23 +5% q-q, +96% y-y เป็น 63 ลบ. จากการเพิ่มขึ้นของรายได้บริการผู้มีบุตรยากและการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน ทำให้กำไรปี 2023 จบที่ 212 ลบ. +31% у-у
- แนวโน้มปี 2024 สดใสจาก demand ของการมีบุตรในปีมังกร ซึ่งมีความต้องการทั้งคนไทยและต่างชาติ รวมถึง demand ปกติที่คนสมัยนี้มีบุตรยาก เราคาดกำไรปี 2024 +33% y-y เป็น 281 ลบ. ราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PE 22.5x ถูกกว่า GFC ที่ 24.7x และกลุ่มการแพทย์ที่ 25-30x
- แนวรับ 20.20 บาท แนวต้าน 21.20 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลออกจากภูมิภาคเป็นวันที่ 5 แต่เบาบางลงเป็น US$396 ล้าน และยังกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$288 ล้าน ขณะที่เกาหลีมีเม็ดเงินไหลออก US$28 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกจากไทยมากสุด US$75 ล้าน และไหลออกจากอินโดนีเซียเล็กน้อย US$6 ล้าน กระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลออกแต่เชื่อว่าจะเบาบางลง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) BBL รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 8.86 หมื่นลบ. -22% q-q, +17% y-y ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 17-19% หลักๆ มาจากกำไรจากเงินลงทุนที่ลดลงมาก และค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามฤดูกาลเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เราคาด ขณะที่ PPOP 4Q23 ที่ 1.86 หมื่นลบ. – 20.5% q-q, +4.2% y-y ที่น่าประทับใจคือรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ +3% q-q, +15.5% y-y และ NIM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.14% รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ไม่น่ากังวล NPL ลดลงมาอยู่ที่ 2.7% ใน 4Q23 ดีกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024-25 ลง 9.5%/10.4% เป็นเติบโต 1% y-y และ 4.1% y-y ตามลำดับ จากการปรับลดสมมติฐานการเติบของสินเชื่อและ Non-NII ลง และ Credit cost เพิ่มขึ้น ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 191 บาท (เดิม 198 บาท) การเติบโตที่ดีผ่านไปแล้วในปี 2023 แต่ยังคาดให้ Div. yield ในระดับดี 4.5% ราคาหุ้นมี upside กว่า 10% จึงยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) BDMS คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 3.7 พันลบ. -5% q-q, +19% y-y สูงกว่าระดับก่อนโควิด 56% โดยกำไร q-q ลดลงเป็นผลของฤดูกาล ขณะที่ y-y เพิ่มขึ้นมาจากรายได้ผู้ป่วยไทยและต่างชาติเติบโต 11%-16% y-y จากการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และโควิด ผู้ป่วยจากกาตาร์และจีนที่อาศัยอยู่ในไทยเพิ่มขึ้น EBIDA margin ปรับตัวดีขึ้นแนวโน้มกำไรปี 2024 จะเติบโต 11% y-y จาก Utilization rate และ EBIDA margin ที่ปรับตัวดีขึ้น และได้โควต้าสมาชิกประกันสังคมเพิ่มเติม เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2023-25 ขึ้น 1-5% เพื่อสะท้อนกำไร 4Q23 ที่จะมาดีและได้ราคาเป้าหมายปี 2024 ใหม่เป็น 35 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) กลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นเช้านี้ จาก IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบปี 2024 เป็น 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ที่สำคัญสหรัฐรายงานสต็อกน้ำมันดิบสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงมากถึง 2.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด นอกจากนี้ผู้ค้าน้ำมันมีความกังวลต่อสถาณะการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้นหลังปากีสถานยิงขีปนาวุธถล่มอิหร่าน ข่าวนี้จะเป็นบวกต่อ PTTEP (ราคาเป้าหมาย 179 บาท) ส่วนค่าการกลั่น YTD ยังคงอยู่ในระดับสูงราว US$7-7.5 /บาร์เรล ซึ่งน่าจะทำให้โรงกลั่น มีกำไร 1Q24 เพิ่มขึ้นจาก 4Q23 ส่วนราคาหุ้นโรงกลั่นที่ปรับลงอาจเป็นเพราะตลาดคาดงบ 4Q23 จะชะลอตัว q-q แต่จะเป็นโอกาสในการซื้อสะสม เราชอบ TOP (ราคาเป้าหมาย 56.80 บาท)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ม.ค | ญี่ปุ่น: เงินเฟ้อ (ธ.ค.) อังกฤษ: ค้าปลีก (ธ.ค.) ไทย: แบงก์ประกาศงบ 4Q23 |
22 ม.ค. | จีน: ธนาคารกลางจีนประกาศ อัตราดอกเบี้ยชั้นดี (LPR) |
23 ม.ค. | ญี่ปุ่น: ประชุม BoJ |
25 ม.ค | ยูโรโซน: ประชุม ECB สหรัฐ: 4Q23 GDP growth |
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 201.94 จุด หรือ +0.54% ปิดที่ 37,468.61 จุด โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นแอปเปิ้ล ขณะที่ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับแรงซื้อหุ้นบริษัทผลิตชิปและบริษัทที่พัฒนา AI ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย และหุ้น TSMC
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยดีดตัวขึ้นหลังจากปรับตัวลง 3 วันติดต่อกัน และได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน
(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก หลังนักลงทุนรับรู้รายงานเงินเฟ้อญี่ปุ่นที่ปรับตัวลดลงจากเดือน พ.ย.
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย อยู่ที่บริเวณ 35.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.03%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 2.09% ปิดที่ 74.08ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจาก IEA และกลุ่มโอเปก คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากสต็อก น้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้บวกอยู่ที่ระดับ 74.25 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.23%
(-) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 15.10 ดอลลาร์ หรือ 0.75% ปิดที่ 2,021.60ดอลลาร์/ออนซ์ นี่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่เช้านี้ปรับบวกที่ระดับ 2,025.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.19%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 862.10/ –