บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

BG Container Glass (BGC)

กำไร 4Q66 ฟื้นตัว QoQ แต่ลดลง YoY

  • Action TRADING (Maintain)
  • TP upside (downside) +6.5%
  • Close Jan 17, 2023 Price (THB) 7.70
  • 12M Target (THB) 8.20
  • Previous Target (THB) 8.20

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ 79 ล้านบาท ฟื้นตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลและต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวลง ขณะที่ YoY คาดกำไรปกติลดลงจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปิดซ่อมบำรุงเตาหลอม ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และการที่บริษัทฯ ไม่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนปีก่อน
  • คาดกำไรปี 2567 ที่ 357 ล้านบาท เติบโต +27% YoY จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลและต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวลง

Our view

  • คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.20 บาท/หุ้น มี Upside +6.5%
  • เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นราว 5% ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา (เทียบกับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลง -7%) ได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่ฟื้นตัวเด่นในปี 2567 ไปแล้ว
  • คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะกลางจะยังถูกจำกัดจากนักท่องเที่ยวจีนที่มีโอกาสฟื้นตัวช้ากว่าคาด และปัจจัยเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์
  • คงคำแนะนำ “TRADING”

คาดกำไร 4Q66 ฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล และต้นทุนพลังงานที่ลดลง

คาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ 79 ล้านบาท ฟื้นตัว +8% QoQ จาก 1) รายได้รวมที่คาดเติบโต +17% จากการที่กลุ่มลูกค้ามีการเตรียมสินค้าเพื่อรองรับการบริโภคที่เร่งตัวขึ้นในช่วงสิ้นปีและ 2) คาดอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับ 15.7% จาก 15.2% ใน 3Q66 หลังได้รับอานิสงส์มาตรการลดค่าไฟฟ้าแบบเต็มไตรมาส (ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยลดลงราว 10% QoQ) อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติ 4Q66 ลดลง -17% YoY แม้อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำในปีก่อน (อัตรากำไรขั้นต้น 4Q65 อยู่ที่ 13.3%) หลังถูกกดดันจาก 1) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 439 ล้านบาท (+17% QoQ, +97% YoY) หลังมีการบันทึกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการปิดซ่อมเตาหลอมจำนวน 1 แห่ง 2) คาดต้นทุนทางการเงินที่ระดับ 110 ล้านบาท (+47% QoQ, +127% YoY) หลังบริษัทฯ มีการออกหุ้นกู้ระยะสั้นจำนวน 1,800 ล้านบาทในเดือน ต.ค. – ธ.ค. 2566 (อัตราดอกเบี้ย 3.05% ต่อปี, ครบกำหนด ม.ค. – มี.ค. 2567) และ 3) ไม่มีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนใน 4Q66 หากกำไรปกติ 4Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติปี 2566 จะใกล้เคียงกับประมาณการทั้งปีของเรา

คาดกำไรปี 2567 ฟื้นตัว YoY หลังต้นทุนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

คาดกำไรปี 2567 ที่ 357 ล้านบาท (+27% YoY) จาก 1) การออกมาตรการ Easy E-receipt มาตรการขยายเวลาเปิดของสถานบันเทิง และมาตรการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในประเทศ (โดยเฉพาะกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม) 2) ต้นทุนวัตถุดิบ (Soda Ash และเศษแก้ว) ที่มีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่องหลังระดับการบริโภคในจีนยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงการที่ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีการเพิ่มกำลังผลิต Soda Ash ในภูมิภาคเอเชียเหนือ (เช่น จีนและมองโกเลีย) 3) ต้นทุนก๊าซธรรมชาติ (สัดส่วนราว 10% ของต้นทุนรวม) มีแนวโน้มลดลงจากระดับ 400-410 บาท/MMBtu ในปี 2566 (ราคาสำหรับภาคอุตสาหกรรม) มาอยู่ที่ราว 350-370 บาท/MMBtu ในปี 2567 จากราคา LNG ในตลาดโลกที่ปรับตัวลง และอานิสงส์จากการที่ กกพ. เริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการบริหารก๊าซธรรมชาติในประเทศ (โครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติของ BGC อิงราคา Pool Gas)

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.20 บาท/หุ้น…คงคำแนะนำ “TRADING”

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 8.20 บาท/หุ้น มี Upside +6.5% แม้คาดผลประกอบการของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q65 และอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว แต่เรามองว่าราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวได้ดีกว่ากลุ่มฯ ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา (BGC ปรับตัวขึ้นราว 5% เทียบกับกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง -7%ในช่วงเวลาเดียวกัน) ได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมากแล้ว นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีโอกาสฟื้นตัวช้ากว่าคาด (ผลจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้) และปัจจัยเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สถานการณ์ในทะเลแดง) จะเป็นปัจจัยที่จำกัดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะกลาง จึงคงคำแนะนำ “TRADING” โดยหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งหากปรับตัวลงมาที่แนวรับระดับ 7.00 บาท +/-

- Advertisement -