บล.หยวนต้า (ประเทศไทย)

IRPC (IRPC)

4Q66 พลิกเป็นขาดทุน

  • Action TRADING (Maintain)
  • TP upside (downside) +8.8%
  • Close Jan 18, 2024 Price (THB) 1.93
  • 12M Target (THB) 2.10
  • Previous Target (THB) 2.30

What’s new?

  • คาด 4Q66 จะขาดทุนสุทธิ 3.6 พันล้านบาท ขาดทุนลดลง YoY เนื่องจาก Stock loss น้อยลง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ 3Q66 ผลประกอบการอ่อนแอลง พลิกจากกำไร QoQ กดดันจากค่าการกลั่นลดลง, Spread ปิโตรเคมียังไม่ฟื้น, ขาดทุนสต็อกน้ำมัน 1.9 พันล้านบาท
  • หาก 4Q66 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการปี 2566 จะทำได้น้อยกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า

Our view

  • ภาพรวมปี 2567 ยังฟื้นตัวได้ช้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์หลัก PP ABS ทำให้ Market GIM ยังท้าทายเมื่อเทียบ กับต้นทุนรวม
  • ปรับประมาณการปี 2566 – 2567 ลงเป็นขาดทุน 3.1 พันล้านบาท และขาดทุน 890 ล้านบาท ตามลำดับ
  • คงมุมมองระมัดระวัง ยังไม่ถึงเวลาเข้าลงทุน คาดปี 2567 ยังเหนื่อย, การฟื้นตัวช้ากว่าคู่แข่ง, เงินปันผลไม่สูง, มีโอกาสถูกปรับลดประมาณการ แนะนำ TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 2.10 บาท

คาด 4Q66 ขาดทุน

คาด 4Q66 จะขาดทุนสุทธิ 3.6 พันล้านบาท ขาดทุนลดลงเทียบกับ 4Q65 ที่ขาดทุน 7.1 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงก่อนถูกกดดันด้วย Stock loss จำนวนมาก อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 3Q66 ผลประกอบการอ่อนแอลง QoQ พลิกจากกำไร 2.4 พันล้านบาท เป็นขาดทุน 3.6 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากคาดอัตรากำไร Market GIM เหลือ US$5.3/bbl (-40% QoQ) จากการปรับตัวลงของ Crack Spread น้ำมันสำเร็จรูป, ต้นทุน Crude Premium เพิ่มสูงขึ้น, Spread ปิโตรเคมีปรับตัวลดลง โดย PP-Naphtha เหลือ US$312/ตัน (-5% QoQ) ABS-Naphtha เหลือ US$568/ตัน (-7% QoQ) HDPE-Naphtha เหลือ USS429/ตัน (-7% QoQ) นอกจากนี้ การปรับฐานของราคาน้ำมันในตลาดโลก ยังคาดทำให้เกิดรายการขาดทุนสต็อกน้ำมัน 1.9 พันล้านบาท หากนับเฉพาะผลการดำเนินงานหลักคาดติดลบ 2.5 พันล้านบาท อ่อนแอลง QoQ และ YoY

1Q67 ฟื้นตัวจากฐานต่ำ

แนวโน้มผลประกอบการ 1Q67 ฟื้นตัว QoQ จากฐานต่ำ ขับเคลื่อนด้วยธุรกิจการกลั่นเป็นหลัก แต่ภาพรวมยังอ่อนแอ โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี เพราะแม้ 1QTD Spread PP จะเริ่มพื้นตัว แต่ Spread ABS PE ยังประคองตัวอยู่ระดับต่ำ รวมทั้งยังเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโรงงาน PE PP ABS ในเดือนก.พ. – มี.ค.

ปรับลดประมาณการปี 2566 – 2567

หาก 4Q66 เป็นไปตามคาด ผลประกอบการปี 2566 จะขาดทุนสูงกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า เพราะการฟื้นตัวของตลาดปิโตรเคมีช้ากว่าคาด มองข้ามไปปี 2567 คาดการฟื้นตัวยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีชนิดหลักอย่าง PP และ ABS ที่ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากภาวะอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาด ส่งผลให้เราประเมินว่าจุดคุ้มทุน (Break-even) ระหว่าง Market GIM vS ต้นทุนรวมระดับ US$10/bbl ยังมีความท้าทาย ทำให้ IRPC ยังมีโอกาสขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ จากเหตุผลข้างต้นเราปรับประมาณการปี 2566 – 2567 ลงเป็นขาดทุน 3.1 พันล้านบาท และขาดทุน 890 ล้านบาท ตามลำดับ โดยปรับสมมติฐาน Market GIM ลง 15-18% เหลือ US$8.3/bbl และ US$9.5/bbI ตามลำดับ เพื่อสะท้อนความอ่อนแอของธุรกิจปิโตรเคมี

การฟื้นตัวช้ากว่าคู่แข่ง ยังไม่ถึงเวลาเข้าลงทุน

ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PBV ที่ 0.5 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปี -1.7 SD ถือว่า Downside ไม่มากแล้ว อย่างไรก็ตาม ทิศทางผลประกอบการปี 2567 ฟื้นตัวช้ากว่าคู่แข่ง, มีความเสี่ยงถูกตลาดปรับลดประมาณการปี 2566 – 2567, เงินปันผลอาจไม่มี หรืออยู่ระดับต่ำตามทิศทางผลประกอบการ เราคงมุมมองระมัดระวังต่อหุ้น เชื่อว่ายังไม่ถึงจังหวะเข้าลงทุน คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสมใหม่ 2.10 บาท (บริษัทฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 13 ก.พ.)

- Advertisement -