บล.เอเซีย พลัส:

TPIPP 4Q66 คาดกำไรปกติลดลง ก่อนฟื้นตัวใหม่ใน 1Q67

คาดกำไรสุทธิงวด 4Q66 เพิ่มขึ้น 2.6%QoQ มาอยู่ที่ 860.6 ล้านบาท หนุนหลักจากกำไรพิเศษ FX 60.2 ล้านบาท เทียบกับงวด 3Q66 ที่ขาดทุน FX 33.6 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติคาดลดลง 8.2%QoQ มาอยู่ที่ 800.4 ล้านบาท จากค่าใช้จ่าย SG&A และดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้น ขณะที่กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากปริมาณขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลัง TG7 ไม่มีหยุดซ่อมบำรุง และต้นทุนถ่านหินที่ลดลง แต่ถูกหักล้างเกือบหมดจากค่า FT ที่ลดลง ช่วงสั้น 1Q67 คาดกำไรปกติจะฟื้นตัว QoQ จากค่า FT ที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดอ่อนตัวสู่สภาวะปกติ

เบื้องต้นยังคงประมาณการ และมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2567 ที่ 3.7 บาท/หุ้น ช่วงสั้นยังไม่มีปัจจัยบวกที่โดดเด่นใหม่ๆเข้าขับเคลื่อน ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาวยังถูกกดดันจาก ADDER ที่จะหมดลงในปี 2568 แต่อย่างไรก็ตาม ยังสามารถถือเพื่อรับปันผลที่โดดเด่น ซึ่งคาดหวัง DIVIDEND YIELD ราว 4-6%/ปี

งวด 4Q66 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่กำไรปกติลดลง QoQ

คาดกำไรสุทธิงวด 4Q66 ของ TPIPP จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.6%qoq มาอยู่ราว 860.6 ล้านบาท โดยมีแรงหนุนหลักมาจากรายการพิเศษ Fx ที่คาดจะมีการบันทึกกลับเป็นกำไร 60.2 ล้านบาท จากเดิมที่เป็นขาดทุน Fx 33.6 ล้านบาท ในงวด 3Q66 ตามค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม หากตัดรายการพิเศษ และพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติ คาดจะปรับตัวลดลง 8.2%QoQ มาอยู่ราว 800.4 ล้านบาท กดดันหลักจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 47.7%QoQ มาอยู่ที่ 174.0 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายบริหารจัดการภายในบริษัทที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานที่เพิ่มขึ้นเป็นปกติในช่วงปลายปี ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่คาดจะเพิ่มขึ้น 24.2%qoq มาอยู่ที่ 51.4 ล้านบาท ตามการรับรู้ดอกเบี้ยจากการออกหุ้นกู้เพิ่มเติมของทาง TPIPP ในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตามคาดกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย 0.3%qoq มาอยู่ที่ 979.5 ล้านบาท หนุนหลักจากรายได้จากการขายไฟฟ้าที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.6%QoQ มาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมที่คาดจะฟื้นตัว 27.8%QoQ มาอยู่ราว 572 ล้านหน่วย ตามการกลับมาเดินเครื่องในโรงไฟฟ้า TG7 กำลังการผลิต 40 MW ได้เต็มที่ทั้งไตรมาส เทียบกับงวด 3Q66 ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเป็นเวลาราว 30 วัน และการเรียกซื้อไฟฟ้าจากบริษัทแม่ TPIPL ที่สูงขึ้น QoQ แม้ราคาขายไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงตามการปรับลดค่า Ft ในงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2566 ลงราว 0.7 บาท/หน่วย จากงวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ก็ตาม ประกอบกับยังมีแรงหนุนจากต้นทุนเฉลี่ยถ่านหินที่ปรับตัวลดลง QoQ และการใช้เชื้อเพลิงขยะเข้ามาผลิตไฟฟ้าแทนถ่านหินมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วคาดอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) จะอยู่ที่ 37.8% จาก 40.1% ในงวดก่อนหน้า

โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติทั้งปี 2566 อยู่ที่ 3.7 พันล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 30.6%YoY และสอดคล้องกับประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2566 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

คงประมาณการ…1Q67 คาดกำไรปกติฟื้นตัว QoQ

เบื้องต้น ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณกำไรปกติปี 2567 ที่ 3.6 พันล้านบาท อ่อนตัวลงเล็กน้อย 0.5%YoY กดดันหลักจากราคาขายไฟฟ้าที่คาดจะลดลงจากสมมติฐานค่า Ft เฉลี่ยทั้งปี 2567 ที่ลดลงมาอยู่ที่ 0.44 บาท/หน่วย จากค่าเฉลี่ยปี 2566 ที่อยู่ในระดับ 0.89 บาท/หน่วย อย่างไรก็ตาม คาดชดเชยได้เกือบทั้งหมดจากปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมที่คาดจะปรับตัวสูงขึ้นเริ่มรับรู้โครงการ solar กำลังการผลิตตามสัญญารวม 67.2 MW ที่คาดเริ่มทยอย COD หลังจากเดือน ส.ค.2567 เป็นต้นไป และต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่คาดจะปรับตัวลดลง ตามแนวโน้มราคาถ่านหินที่เริ่มทยอยปรับสู่สมดุลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการปรับปรุงและติดตั้ง boiler เพื่อลดการใช้ถ่านหิน และเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงขยะเป็นการทดแทน

สำหรับทิศทางกำไรปกติในช่วงสั้นงวด 1Q67 คาดจะปรับตัวสูงขึ้น QoQ หนุนจากราคาขายไฟฟ้าที่ปรับขึ้นตามการประกาศปรับค่า Ft งวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 ขึ้น 0.19 บาท/หน่วย มาอยู่ที่ 0.4 บาท/หน่วย และปริมาณขายไฟฟ้าให้แก่บริษัทแม่ TPIPL ที่คาดสูงขึ้น QoQ ตามการเข้าสู่ช่วง high season ของงานก่อสร้าง รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ

การประกอบธุรกิจตามหลักความยั่งยืน (ESG) ของ TPIPP:

ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) : มุ่งพัฒนาสู่สังคมคาร์บอนต่ำ โดยตั้งเป้าหมาย Net Zero GHG Emission ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านกระบวนการผลิตแบบ Green Manufacturing ดำเนินการตามแนวทาง Bio-Circular-Green Economy (BCG) ใช้นโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการใช้พลังงานทดแทนควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย ของเสีย และใช้น้ำอย่างเหมาะสม ลดผลกระทบจากการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า และตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล

ด้านสังคม (Social) : ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ปกป้องสิทธิแรงงาน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน บริหารและพัฒนาความสามารถและทักษะให้แก่บุคลากรอย่างต่อเนื่อง เคารพข้อมูลส่วนบุคคล ส่งเสริมเยาวชนในด้านการศึกษา และร่วมสร้างคุณค่าและยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและสังคม ให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance) : ยึดหลักความถูกต้องและสอดคล้องกับกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ภายใต้จรรยาบรรณธุรกิจมีกรอบการดำเนินงานตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการกำกับกิจการที่ดี เปิดเผยข้อมูล และผลการดำเนินงานอย่างโปร่งใส บริหารจัดการความเสี่ยงรอบด้าน มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการ

ประเด็นความเสี่ยง

1. ความเสี่ยงจากการเกิดเหตุหยุดฉุกเฉินของโรงไฟฟ้าทุกโรง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้า และไอน้ำ

2. การขายไฟฟ้าให้กับ TPIPL มีความเสี่ยงที่ลูกค้าอาจเกิดเหตุขัดข้องฉุกเฉินไม่สามารถรับไฟฟ้าได้ตามสัญญา

3. การผลิตไฟฟ้าจากโดยใช้เชื้อเพลิง RDF และขยะสดอาจมีความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบได้ รวมถึงการถูกฟ้องร้องจากปัญหามลพิษหากมีการควบคุมที่ไม่ดีพอ

4. ความเสี่ยงจากรายได้ที่ลดลงมีนัยฯหลัง ADDER 3.5 บ./KWH จะหมดอายุลงในโรง TG3 ปี 65 และ TG5 กับ TG4+TG6 ปี 68

 

- Advertisement -