บล.เอเซีย พลัส:
DRT กำไร 4Q66 เพิ่มเล็กน้อย ส่งปี 2566 new high
งวด 4Q66 คาดกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท (+2.5%YOY) เป็นผลจากต้นทุนที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ GROSS MARGIN ทำได้ 25% สูงกว่า 4Q65 ที่เคยทำได้ 23.5% ประเมินยอดขายปี 2567 มีโอกาสเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5%YOY จากลูกค้าเกือบทุกกลุ่มโดยใช้กิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย และประเมิน GROSS MARGIN ปี 2567 น่าจะรักษาระดับ 25 – 27% ได้ ตามแนวโน้มต้นทุนที่ทรงตัว
แนวโน้มกำไร 4Q66 ที่น่าจะออกมาต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยเคยประเมินไว้ ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2566 เหลือ 633 ล้านบาท แม้จะมีการปรับประมาณการกำไรลดลง แต่ผลประกอบการของ DRT ถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างตัวอื่นๆ ในขณะนี้ ประเมิน FAIR VALUE อิง DDM ได้ราคาเหมาะสม 9.40 บาท คิดเป็น IMPLIED PER ที่ 11 เท่า มี UPSIDE 13.3% และ DIVIDEND YIELD 6.3% ให้คำแนะนำการลงทุนที่ OUTPERFORM
คาด 4Q66 กำไร 120 ล้านบาท (+2.5%YoY) ทั้งปี new high
ฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิงวด 4Q66 ที่ 120 ล้านบาท (+2.5%YoY) โดยประเมินรายได้ที่ 1,123 ล้านบาท (-10%YoY) สาเหตุที่รายได้ลดลงเนื่องจากโรงงานอิฐมวลเบามีการปิดปรับปรุงในช่วง ธ.ค. 2566 นานกว่าแผนที่วางไว้ 3-4 วัน ส่งผลต่อเนื่องไปถึงยอดขายสินค้าอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกัน ถึงแม้รายได้จะลดลงแต่ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าพลังงาน ค่าก๊าซอยู่ที่อยู่ในช่วงขาลง ส่งผลให้ gross margin ปรับตัวสูงขึ้น โดยฝ่ายวิจัยประเมิน gross margin งวด 4Q66 ที่ 25% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ทำได้เพียง 23.5% นอกจากนี้ DRT ยังได้อานิสงส์จากเครดิตภาษีเงินคืนที่ได้จากการลงทุนเครื่องจักร NT-11 ราวๆ 15 – 20 ล้านบาท ส่งผลให้กำไร 4Q66 ยังเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีก่อนแม้รายได้จะลดลงและทำให้กำไรปี 2566 ทำสถิติ new high ต่อเนื่องอยู่ที่ 633 ล้านบาท เทียบกับปี 2565 ที่ทำได้ 625 ล้านบาท
ปี 2567 เชื่อ ยังมีโอกาสรักษายอดขายและ Gross Margin ได้
ฝ่ายวิจัยประเมินว่ายอดขายปี 2567 มีโอกาสเติบโตไม่ต่ำกว่า 5%YoY ได้จากลูกค้าเกือบทุกกลุ่มโดยใช้กิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย เช่น 1) กลุ่ม Agent – มีการหา sub-agent รายใหม่เข้ามาเพิ่มเติมรวมไปถึงการเติมสินค้าชนิดใหม่เข้าไปในลูกค้า agent รายเดิม 2) กลุ่มโครงการ – DRT มีแผนที่จะรุกตลาดเข้าไปในส่วนของภูมิภาคมากขึ้นประกอบกับมี demand จากการติดตั้ง solar cell บนหลังคาเข้ามาช่วยหนุนตลาด โดยร่วมมือกับทีมติดตั้งของ DRT เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า 3) กลุ่ม Modern Trade – ลูกค้าของ DRT มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสาขา 30 – 35 สาขา จากปัจจุบันที่มี 200 กว่าสาขา, ด้าน gross margin ปี 2567 เชื่อว่ายังสามารถรักษากรอบที่ 25 – 27% เหมือนปี 2566 ได้ แม้ค่าพลังงานปี 2567 มีแนวโน้มปรับเพิ่มตามค่า Ft แต่ค่าพลังงานคิดเป็นสัดส่วนเพียง 8% ของต้นทุนรวม ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบซึ่งคิดเป็นสัดส่วน52% ของต้นทุนรวม มีแนวโน้มทรงตัว นอกจากนี้ DRT ยังได้เครดิตภาษีเงินคืนจากโครงการลงทุนเป็นระยะเวลา 6 ปีจากโครงการต่างๆ เช่น โครงการการลงทุนเครื่องจักร NT-11, โครงการลงทุนติดตั้งสายการผลิตกระเบื้องคอนกรีต (CT-6) และโครงการลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าอิฐมวลเบา (โครงการ AAC-2)
ปรับประมาณการลงเล็กน้อย แต่ยังคงคำแนะนำ outperform
แนวโน้มกำไร 4Q66 ที่น่าจะออกมาต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยเคยประเมินไว้ ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2566 เหลือ 633 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 ปรับ gross margin ลงจาก 28% เหลือ 26% ตามแนวโน้มต้นทุนที่ทรงตัว และปรับลด effective tax rate จาก 20% เหลือ 17.5% เนื่องจากได้เครดิตภาษีเงินคืนจากโครงการลงทุนต่างๆ เป็นระยะเวลานานถึง 6 ปี ส่งผลให้กำไรปี 2567 ลดลงจากเดิมที่ 672 ล้านบาท เหลือ 654 ล้านบาท แม้จะมีการปรับประมาณการกำไรลดลง แต่ผลประกอบการของ DRT ถือว่าดีมากเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างตัวอื่นๆ ในขณะนี้ ฝ่ายวิจัยประเมิน Fair Value อิง DDM ได้ราคาเหมาะสม 9.40 บาท คิดเป็น implied PER ที่ 11 เท่า มี upside 13.3% และ dividend yield 6.3% ให้คำแนะนำการลงทุนที่ outperform
การดำเนินการด้าน ESG ของ DRT
มิติด้านสิ่งแวดล้อม : มีการจัดการน้ำเพื่อไม่ให้กระทบชุมชน โดยใช้อย่างคุ้มค่า มีการบำบัดแล้วนำมาใช้ซ้ำ ประกอบกับมีการจัดการของเสียโดยใช้แนวคิด CIRCULAR ECONOMY และกลยุทธ์ 3R เพื่อลด ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหใม่ เพื่อลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
มิติด้านสังคม : พัฒนาด้านอาชีวอนามันและความปลอดภัย ประกอบกับมีจัดการอบรมให้กับพนักงานโดยสร้างองค์ความรู้ให้กับพนักงานบริษัทตลอดเวลา
มิติด้านธรรมภิบาล : ตระหนักถึงการกำกับดูแลกิจการโดยมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจด้านต่างๆ เช่น การเคารพสิทธิมนุษยชน การต่อต้านคอร์รับชั่น
ประเด็นความเสี่ยง
1. หากต้นทุนวัสดุต่างๆ เช่น ปูนซีเมนต์ ต้นทุนพลังงาน เยื่อกระดาษ ปรับเพิ่มมากกว่าราคาขายที่ DRT สามารถปรับเพิ่มได้ จะกดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 25-27%
2. ความเสี่ยงจากการออกมาตรการควบคุมการใช้แร่ใยหินของภาครัฐ ซึ่งอาจกระทบต่อยอดขายสินค้าในกลุ่มกระเบื้องหลังคาของ DRT ที่ปัจจุบันมีสัดส่วนสินค้าที่มีใยหินประมาณ 30% ของยอดขายทั้งหมด