KS Daily View 23.01.2024 >>> งบกลุ่มแบงก์ต่ำกว่าคาด แนะลงทุนหุ้นปัจจัยบวกเฉพาะตัว คาดดัชนีแกว่งตัวลงในกรอบ 1,365-1,375 จุด หุ้นแนะนำ TU, MINT

สรุปภาวะตลาด

ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA +0.36%S&P500 +0.22% NASDAQ +0.32%; Dollar index +0.10% เป็น 103.34 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.592; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures +1.91% เป็น 80.06/bbl; ราคาทองคำ -0.4% เป็น 2021.8/ounce;  US 10Y yield -4bpsเป็น 4.103%

ในประเทศ: SET Index -12.590 จุด หรือ -0.91% ปิดที่ 1369.92 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ TTB (+6.51%), RCL (+2.91%), ICHI (+2.45%), BCH (+2.23%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ KTB (-10.50%), JMT (-8.24%), MTC (-4.68%), RBF (-4.44%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวลงในกรอบ 1,365-1,375 จุด หลังธนาคารพาณิชย์รายงานกำไรในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 4.1 หมื่นลบ. ลดลง 13% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 10% YoY ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 7% จาก ECL ที่สูงขึ้น พร้อมมุมมองแบบระมัดระวังต่อภาพเศรษฐกิจในปี 2567 สะท้อนธนาคารจะมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้นซึ่งจะเป็นผลลบกับกลุ่มธุรกิจที่มีปัญหาสภาพคล่องตึงตัวในปัจจุบันจากภาวะดอกเบี้ยสูง รวมถึงสภาพคล่องในตลาดหุ้นกู้ลดลงจากเงินทุนไหลออก และรัฐบาลกู้เพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ทำให้ธุรกิจต้องมีการเตรียมสภาพคล่องเพิ่ม กระทบแผนการเติบโตทางธุรกิจ และกดดันภาพรวมกลุ่ม Domestic play ที่เหลือ (Finance, อสังหาฯ, วัสดุก่อสร้าง, ค้าปลีก และ F&B) สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำSelective Buy ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือมีกำไร 4Q23 แข็งแกร่ง

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดย S&P 500 ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง จากนักลงทุนให้น้ำหนักกับสัญญาณทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและแนวโน้มผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตต่อ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 4bps. อยู่ที่ 4.103% แม้ตลาดล่วงหน้าคาดโอกาสเหลือเพียง 40% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ซึ่งลดลงอย่างมากจากเกือบ 81% ในสัปดาห์ก่อนหน้า และมีความเป็นไปได้เกือบ 58% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 19% ในสัปดาห์ก่อน

2.) ติดตามการประชุม BOJ ในวันนี้ โดยตลาดคาดว่า BOJ จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน โดยคงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% และกรอบบนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีญี่ปุ่นที่ 1%ดังนั้นตลาดจะพุ่งเป้าไปที่แถลงการณ์ของ Ueda เพื่อหาสัญญาณว่า BOJ จะปรับนโยบายการเงินสู่ระดับปกติเมื่อใด

3.) ติดตามการประชุม ครม. สัญจร ที่จังหวัดระนอง เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวและดูพื้นที่พัฒนาโครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมฝั่งทะเล อ่าวไทย – อันดามัน (แลนด์บริดจ์) โดยที่ประชุมคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบันกลุ่มภาคใต้อันดามัน อนุมัติ 20 โครงการเข้า ครม. วงเงิน 797 ล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เน้นเสร็จใน 1 ปี

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ปรับกรอบการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้เป็น 1,350-1,404 จุด หลัง SET Index ปรับตัวลงหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,375 จุด แรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยให้ underperform ตลาดหุ้นโลก จากกำไร บจ. โตน้อย การชะลอตัวของจีนกระทบส่งออกและท่องเที่ยว มาตรการกระตุ้นภาครัฐไม่แน่นอนและปัญหาการ rollover หุ้นกู้ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นจากการปรับลดโอกาสการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยปัจจัยสำคัญที่จะต้องติดตามคือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน ยอดขายบ้านใหม่ รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล และดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือน ธ.ค. ดัชนี PMI เดือนม.ค. (เบื้องต้น) รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 ของสหรัฐฯ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม BOJ และ ECB ดัชนี PMI เดือน ม.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน อังกฤษ รวมถึงการกำหนดอัตราดอกเบี้ย LPR เดือน ม.ค. ของจีน

หุ้นแนะนำวันนี้

TU (ราคาพื้นฐาน 16.70 บาท) การตัดสินใจออกจากการลงทุนใน Red Lobster (RL) ที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จะไม่รับรู้ผลการดำเนินงานของ RL อีกต่อไปตั้งแต่ไตรมาส 1/67 ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2567-68 ของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% และ 8% เป็น 7.5 พันลบ. และ7.9 พันลบ. ตามลำดับ แม้บริษัทจะต้องบันทึกด้อยค่าของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดจำนวน 1.85 หมื่นลบ.ในไตรมาส 4/66 เราเชื่อว่าการตัดสินใจนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อ TU ในอนาคต ขณะเดียวกัน TU เผยโครงการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 3.6 พันลบ. ตั้งเป้าไม่เกิน 200 ล้านหุ้น หรือ 4.3% ของหุ้นที่ชำระแล้ว ระยะเวลาการซื้อหุ้นคืนจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2567 ถึงวันที่ 30มิ.ย. 2567 โดยราคาซื้อหุ้นคืนเฉลี่ยจะไม่เกิน 18 บาท/หุ้น

MINT (ราคาพื้นฐาน 40.88 บาท) ราคาหุ้นซื้อขายมี discount จาก peers โดยเทรดบน PER ปี 2024 ที่ 20x เทียบกลุ่มโรงแรมที่เทรดบน PER ปี 2024 ที่ 26x ขณะที่ราคาหุ้น Peers ในต่างประเทศอย่าง Marriot, Intercontinental, Hyatt, Accor เป็นต้น ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดนับแต่ก่อนโควิด จากตลาดคลายกังวลเรื่อง Recession และแนวโน้ม RevPar ที่ดี นอกจากนี้ราคาก๊าซDUTCH TTF ทรงตัวต่ำจากระดับก๊าซคงคลังที่สูงจะเป็นบวกกับโรงแรมของ MINT ในยุโรป และแนวโน้มการท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากนโยบายสนับสนุนของภาครัฐจะเป็นบวกกับธุรกิจโรงแรม และร้านอาหารในประเทศ สำหรับประเด็นเรื่องฐานะการเงินของ MINT เรามองว่าบริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง และหากอิงจากข้อมูลล่าสุด บริษัทมี Net IBD/E (Excluded lease liabilities and Covid 19 impairment) ที่ 1.05x ต่ำกว่า Covenant ที่ 1.75x และ Internal policy ที่ 1.3x นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (De-leverege) เพิ่มเติมในปี 2567 จากเงินสดที่มีอยู่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และการแปลง warrant

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตาม ผลการประชุมและตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ในช่วงเช้าโดยตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.10% ในช่วงบ่ายติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) ของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. โดยดัชนีอยู่ที่ -15 จุดในเดือนก่อนหน้า
  • วันพุธ ติดตาม ตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 6.7% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.2% YoY และติดตามตัวเลขภาคการผลิตเบื้องต้นของยุโรป (Flash manufacturing PMI)สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 45.0 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 44.4 จุด
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo business climate) สำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 87.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.4 จุด ต่อด้วยติดตามผลการประชุมธนาคารกลางของยุโรป (ECB)ตลาดคาดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลข GDP ของสหรัฐฯสำหรับไตรมาส 4/2566 ตลาดคาดขยายตัวที่ +1.8% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ +4.9% และตัวเลขยอดขายสินค้าคงทน (Durable good orders) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ +0.9% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 5.4% MoM
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนทั่วไป (Personal Consumption Expenditure – PCE) ของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.6% YoY และดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคภาคเอกชนพื้นฐาน (Core PCE)ตลาดคาดทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.2% YoY ต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านรอปิดการขายของสหรัฐฯสำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาด -3.4% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.2% YoY
- Advertisement -