บล.ฟินันเซีย ไซรัส: 

KASIKORNBANK (KBANK TB)

เร่งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุก

  • ผลการดำเนินงาน 4Q23 พลิกมาส่งสัญญาณการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งทำให้ผลุขาดทุนทางเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) และต้นทุนความเสียงในการปล่อยสินเชื่อ (Credit cost) ปรับตัวขึ้น
  • การเติบโตของสินเชื่อและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายในปี 2024-25 เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด Downside แก่ประมาณการของเรา
  • ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ

ECL และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ปรับขึ้นตามฤดูกาลกดดันกำไรสุทธิ 4Q23

KBANK รายงานกำไรสุทธิ 4Q23 อยู่ที่ 9.39พัน ลบ. (-16.8% q-q, +194.2% y-y) กำไรดังกล่าวต่ำกว่าประมาณการของเรา 17% และต่ำกว่าที่ตลาดคาด 20% โดยมีปัจจัยถ่วงสำคัญประกอบด้วย 1) ECL และ Credit cost ที่สูงเกินคาด ส่วนมากจากการปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ (การตัดจำหน่ายและขายหนี้ด้อยคุณภาพ) เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง และการบันทึกการเสื่อมค่าพิเศษของสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ กล่าวคือ ITD ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นหนี้ชั้นที่ 2 พร้อมสำรองพิเศษ; และ 2) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงเกินคาด จากการตัดจำหน่ายพิเศษสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศที่ประมาณ 1 พัน ลบ. และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มผลผลิต กำไรก่อนหักสำรองใกล้เคียงกับที่คาดไว้โดยอยู่ที่ 26.4 พัน ลบ. (-3.3% q-q, -6.9% y-y) แม้ว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ กำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่สูงเกินคาด มีส่วนช่วยลดผลกระทบดังกล่าวได้บางส่วน

คุณภาพสินทรัพย์พลิกเป็นลบ ทั้งในด้านสัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพและ Credit cost

ใน 4Q23 สัดส่วนหนี้ด้อยคุณภาพ (จากการคำนวนของ FSSIA) เพิ่มเป็น 3.70% จาก 3.58% ใน 3Q23 แม้ว่า Credit costs จะเพิ่มขึ้นเพื่อการตัดจำน่ายหนี้ด้อยคุณภาพเชิงรุก (ประมาณ 5.1 พัน ลบ. ใน 4Q23 จาก 3.7 พัน ลบ. ใน 3Q23) ส่วนมากจากสินเชื่อ SME และรายย่อย ในขณะที่สินเชื่อขั้นที่ 2 เพิ่ม 3.7% q-q เป็น 6.64 พัน ลบ. ส่วนมากจากการจัดชั้นสินเชื่อ ITD ใหม่ ถ้าสินเชื่อดังกล่าวพลิกเป็นสินเชื่อขั้นที่ 3 KBANK เน้นย้ำว่าธนาคารฯ ยังมีกันชนเป็น Management overlay อยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับสำรองรวมสำหรับ ECL (LLR) ที่สามารถนำมา ช่วยชดเชยปัจจัยดังกล่าว Credit cost เพิ่มสูงกว่าคาดเป็น 220bp (จากที่เราคาดไว้ที่ 211bp)

แนวโน้มธุรกิจปี 2024 ไม่สดใส

เราปรับประมาณการปี 2024-25 ของเราเล็กน้อย ในขณะที่ธนาคารยังไม่มีการเปิดเผยเป้าประมาณการปี 2024 จากนโยบายการปล่อยสินเชื่อด้วยความระมัดระวัง และการชะลอสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงโดยหันไปสู่สินเชื่อบรรษัทมากยิ่งขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิจะโตเพียง 5.0% y-y และ 9.1% y-y ในปี 2024-25 ตามลำดับ ในปี 2024-25 การเติบโต่ของสินเชื่อและสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายจะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด Downside ต่อประมาณการของเรา

ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ

เราปรับลดคำแนะนำเป็นถือ (จาก Buy) จาก Upside ที่มีจำกัด ราคาเป้าหมายปี 2024 ของเราที่ 140 บาท (GGM) ซึ่งลดลงจาก 160 บาท คิดเป็นค่า P/BV ได้ที่ 0.60x (ลดลงจาก 0.68x) (LT-ROE 8.0%, COE 12.6%)

- Advertisement -