บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Kiatnakin Phatra Bank (KKP)
ขาดทุนรถยึดเริ่มลดลงใน 1Q67 แต่ถือว่ายังสูงกว่าปกติ
- Action TRADING (Maintain)
- TP upside (downside) +10.6%
- Close Jan 23, 2024 Price 47.00
- 12M Target 52.00
Event
- วานนี้ KKP จัดประชุมนักวิเคราะห์เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ผลดำเนินงาน 4Q66 ที่ต่ำกว่าที่ตลาดคาด มาจากผลขาดทุนรถยึดของพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อที่เร่งปล่อยไปมากในปี 2564 บวกกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม จากการมาของรถ EV และมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากราคารถยนต์มือสองที่ปรับตัวลงมากกว่าปกติ ซึ่งผู้บริหารคาดปัญหาจากพอร์ตเช่าซื้อดังกล่าวจะใช้เวลาในการแก้ปัญหาทั้งสิ้นราว 4 ปี (นับตั้งแต่เริ่มปล่อยสินเชื่อ) แต่หนี้เสียส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีแรก ทำให้ผู้บริหารมองว่าปริมาณหนี้เสียและรถยึดของบริษัทได้ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว
- ปีนี้บริษัทยังคงนโยบายเร่งระบายรถยึด ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ราว 4,600 คัน (ลดลงจากช่วงที่รถยึดสูงสุดที่ 6,000 คัน) โดยเฉพาะในช่วง 1H67 ที่ราคารถยนต์มือสองมีโอกาสเริ่มฟื้นตัวขึ้น และ Supply รถยึดของทั้งระบบได้ถูกระบายไปมากแล้วในช่วงปลายปี 2566 เราจึงคาดผลขาดทุนรถยึดใน 1Q67 ของ KKP จะเริ่มลดลง แต่ยังทรงตัวสูงเมื่อเทียบกับระดับปกติ
- ช่วง 4Q66 บริษัทมีการรับตีทรัพย์ชำระหนี้จำนวน 900 ลบ. ทำให้ตัวเลขหนี้เสียลดต่ำลง ส่วนการตั้งสำรองพิเศษราว 6000 ลบ. เป็นการตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงของลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่ง (ผู้บริหารไม่ระบุว่าเป็นอุตสาหกรรมใด) แต่ลูกหนี้ดังกล่าวยังมีการชำระเงินตามปกติ ทั้งนี้หากลูกหนี้ดังกล่าวต้องปรับโครงสร้างหนี้จะต้องมีการปรับชั้นลูกหนี้เป็น NPL และทำให้ NPL Ratio มีโอกาสเพิ่มขึ้นในปี 2567
- สำหรับเป้าหมายทางการเงินปี 2567 ถือว่าค่อนข้าง Conservative โดย 1) คาดเห็น ROE ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจาก 9.2% ในปี 2566 เป็น 10-11% ต่ำกว่า ROE ปกติของบริษัทที่ 13-14% 2) Loan Spread คาดลดลงจาก 5.2% ในปี 2566 เหลือ 5% ภายใต้ความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปี ส่วน Asset Yield ยังทรงตัวได้เพราะส่วนใหญ่เป็นสัญญาดอกเบี้ยคงที่ 3) NPL คาดเพิ่มขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.5-3.7% และมีลูกหนี้บางรายจะต้องปรับโครงสร้างหนี้ (ต้องปรับชั้นเป็น Stage 3 ก่อน) แต่ได้ตั้งสำรองไว้ในระดับเดียวกับกรณีที่เป็น NPL ไปแล้ว และ 4) Credit Cost ที่รวมผลขาดทุนจากการขายรถยึดคาดลดลง จาก 3% ในปี 2566 เหลือ 2.5-2.7%
Our Take
- เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยเบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรสุทธิใน 1Q67 ของ KKP จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว QoQ จากฐานที่ต่ำ แต่ YoY จะลดลงแรงกดดันจากผลขาดทุนรถยึดที่ยังทรงตัวสูง และการขยายสินเชื่อใหม่ที่ค่อนข้างจำกัด เพราะบริษัทยังคงนโยบายเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ EV มือหนึ่งที่มีการแข่งขันสูง และยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงได้ครบถ้วน ส่วนเป้าหมายขยายสินเชื่อปีนี้จะเน้นที่สินเชื่อจำนำทะเบียนภายใต้แบรนด์ “รถเรียกเงิน” ซึ่งเน้นเป็นสินเชื่อเพิ่มเติมให้กับลูกค้าเดิมที่ผ่อนชำระสินเชื่อเช่าซื้อครบจำนวนแล้ว ส่วน NIM คาดจะเริ่มปรับตัวลงรับผลของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำที่สูงขึ้น หนุนให้เราคาดทั้งปี KKP จะมีกำไรสุทธิในปี 2567 ที่ 5,508 ลบ. ทรงตัว YoY
- เรามองว่า KKP ยังต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหารถยึดจำนวนมากจากพอร์ตเช่าซื้อปี 2564 อีกพอสมควร โดยเบื้องต้นคาดผลดำเนินงานจะเริ่มกลับมาน่าสนใจในช่วง 2H67 หลังราคารถยนต์มือสองฟื้นตัว และรายได้ค่าธรรมเนียมตลาดทุนเริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงสั้นยังมองว่ากำไรสุทธิใน 1Q67 ยังไม่ได้ฟื้นตัวเด่นนัก ทำให้เราคงคำแนะนำเพียง “TRADING” โดยคงมูลค่าพื้นฐานปี 2567 เดิมที่ 52 บาท