รอติดตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในคืนนี้

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.26% ได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของ Netflix และ ASML ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.6% หลังจากสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์

Market Outlook

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีผู้ตัดการฝ่ายจัดซื้อเบื้องต้น (Flash PMI) ทั้งภาคผลิตและภาคบริการออกมาที่ 50.3 , 52.9 ตามลำดับ ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 47.6, 51.4 ขณะที่ PMI ของฝั่ง EU ภาคผลิต รวมถึงบริการส่วนใหญ่แล้วรายงานออกมาดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับ 50 อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี พบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 และ 10 ปีปรับขึ้นต่อเนื่อง พร้อมราคาทองคำปรับลง และเงินบาทอ่อนค่าทดสอบระดับ 35.7 บาท/ ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนความเห็นจาก CME FED Watch ให้น้ำหนักมากถึง 98% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมปลายเดือน ม.ค. และเริ่มปรับน้ำหนักมากขึ้นในทางคงดอกเบี้ยสำหรับการประชุมกลางเดือน มี.ค. ซึ่งมองเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่เมื่อวานธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดสัดส่วนเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ต้องฝากกับธนาคารกลางลง 0.5% โดยทางธนาคารกลางจีนคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 1 ล้านล้านหยวน ถือเป็นปัจจัยบวกกับตลาดหุ้นจีน หนุนตลาดหุ้น Hang Seng +3.5% วานนี้ เรายังคงแนะติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด เพราะส่งผลกระทบทางตรงมายังเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย ซึ่งวานนี้ SET ก็ปรับขึ้นเด่นเช่นกัน (+1.8%) โดยคืนนี้รอติดตามตัวเลข GDP ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ยอดขายบ้านมือหนึ่งของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.3% QoQ, 1.9 แสนราย , 6.48 แสนหลังคาเรือน ตามลำดับ ยังเชื่อว่ารายงานตัวเลขที่แย่กว่าคาดจะเป็นปัจจัยบวก ส่วนในประเทศวานนี้สำนักเศรษฐกิจการคลังรายงานว่า GDP 23 ของไทยจะขยายตัวเพียง 1.8%YoY ลดลงจาก 22 ที่ขยายตัวได้ 2.6%YoY ผลจากภาคผลิตอุตสาหกรรมหดตัวและส่งออกที่ติดลบ อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี GDP 24 จะขยายตัว 2.8%YoY หนุนจากปริมาณการส่งออกบริการ และการท่องเที่ยว แต่คาดการณ์ที่ 2.8%YoY ถือว่าต่ำกว่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินไว้ที่ 3.3%YoY

วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหว 1370 – 1390 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงมองดัชนีระดับปัจจุบันน่าสะสมสำหรับลงทุนระยะกลางเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPROILM) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ส่งออก (TU) กลุ่มการเงิน (SAWAD TIDLOR) สื่อสาร (ADVANC INTUCH)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

BBIK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 123.50 บาท)

คาดว่ากำไรของบริษัทจะโต 49% YoY ในปี 2024E เร็วกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 24%YoY สำหรับปี 2024E (อิง Bloomberg consensus) ส่วนภาพในอนาคต BBIK ก็มีศักยภาพในการเติบโตภายในประเทศผ่านการกระตุ้น ส่วนแบ่งตลาดและการจัดตั้งสำนักงานในอินเดียและเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีนักศึกษาสาย วิทยาศาสตร์ (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) มากกว่าไทย จุดนี้เองที่จะช่วยถึงดูดคนงานทักษะสูงจากนานาชาติเข้ามาร่วมงานได้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทในอนาคต

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 19.70 บาท)

คาดผลประกอบการงวด 4Q23 TU จะมีกำไรสุทธิ 1,481 ล้านบาท (+20% YoY,+23%QoQ) ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงธุรกิจอาหารแช่แข็งที่ได้รับผลดีจากต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น แม้ว่าในส่วนของธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปอย่างทูน่ากระป๋องจะมีรายได้ลดลงเพราะราคาขายลดลงตามต้นทุนปลาทูน่า

- Advertisement -