บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
TMBThanachart Bank (TTB.BK/TTB TB)*
Lower income tax
Event
อัพเดตแนวโน้ม, ปรับประมาณการกำไร, ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย และปรับเพิ่มคำแนะนำ
Impact
อัตราภาษีจ่ายจริงลดลงเหลือเพียง 5% (จาก 15%)
TTB ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax shield) สำหรับการดำเนินงานในปี 2567-2571 ว่า tax shield ที่มีอยู่น่าจะทำให้ธนาคารแทบไม่ต้องจ่ายภาษีเลยตลอดช่วงปี 2567-2571 ซึ่งจาก tax shield ที่มีอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาทนั้น ถูกใช้ไปแล้วในปี 2566 ประมาณ 4 พันล้านบาท เราใช้สมมติฐานว่ามีการใช้ tax shield แบบเส้นตรงในช่วงปี 2567-2571 ซึ่งทำให้เราปรับลดอัตราภาษีจ่ายจริงในประมาณการปี 2567-2569 ของเราเหลือปีละ 5% (จากประมาณการเดิมที่ 15%) ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2567-2569 ขึ้นอีกปีละ 6%/8% ซึ่งจะทำให้อัตราการเติบโตของกำไรในปี 2567/2568/2569 อยู่ที่ 11%/15%/15%
ประมาณการกำไรปี 2567F ใช้สมมติฐานว่า margin จะลดลง และสัดส่วน C/I จะสูงขึ้น
เราใช้สมมติฐานว่าต้นทุนทางการเงินจะสูงขึ้น +25bps (ธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ +25-30bps) ในขณะที่คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ได้น้อยกว่า ซึ่งจะทำให้ NIM ลดลงเล็กน้อยประมาณ 10bps ในปี 2567 ในขณะเดียวกัน เราใช้สมมติฐานว่ารายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2567/2568 จะเพิ่มขึ้นปีละ 3.5% และ credit cost จะอยู่ที่ปีละ 1.3%
เตรียมส่วนรองรับหนี้เสียเอาไว้สำหรับผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นจากธุรกิจ H/P
จากการที่ราคารถมือสองตกลงมาประมาณ 20% ใน 4Q66 TTB ได้เตรียมตั้งสำรองพิเศษไว้ประมาณ 4.8 พันล้านบาทสำหรับผลขาดทุนที่อาจจะเกิดขึ้นกับสินเชื่อ H/P รถมือสอง ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันให้ธนาคารต้องตั้งสำรองก้อนใหญ่ในปี 2567 นอกจากนี้ ในกรณีที่สถานการณ์หนักหนากว่าที่คาดเอาไว้ TTB ยังมี tax shield เหลืออีกซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบไปได้บ้าง ทั้งนี้ ยอดสินเชื่อ H/P คงค้างอยู่ที่ประมาณ 4.10 แสนล้านบาท หรือประมาณ 31% ของสินเชื่อรวม โดย 68% เป็นสินเชื่อรถใหม่, 14% เป็นสินเชื่อรถมือสอง และอีก 18% เป็นสินเชื่อจำนำทะเบียน
กำหนดสถานะเป็นหุ้นปันผล ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2567F เป็น 2.08 บาท และปรับคำแนะนำเป็นซื้อ
ธนาคารเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลในปี FX2566 เป็น 55% โดยการใช้กลยุทธ์แบบระมัคระวัง ด้วยการเลือกขยายสินเชื่อ และดูแลให้คุณภาพสินทรัพย์มีเสถียรภาพ ช่วยให้ธนาคารสามารถเพิ่มสัดส่วน Tier I จาก 15% ในช่วงที่ COVID ระบาด เป็น 17% ได้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ กำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และ Tier I ที่แข็งแกร่งจะทำให้ธนาคารสามารถรักษาสัดส่วนการจ่ายเงินปันผลในระยะต่อไปได้ที่ 55% ซึ่งจะทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2566/2567 อยู่ที่ 5.8%/6.5% ทั้งนี้ เราได้ทำการ re-rate PBV เป็น 0.85x (จากเดิม 0.75x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 2.08 บาท และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ
Risks
ผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น, รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง.