บล.เอเซีย พลัส:

III ไตรมาส 4 เป็น High Season ดันกำไรต่อเนื่อง

คาดกำไรจากการดำเนินงาน 4Q66 ที่ 175 ล้านบาท (+10%QOQ,+15%YOY) โดยรายได้จากธุรกิจหลักยังคงเติบโตจากปริมาณขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามช่วง HIGH SEASON ประกอบกับค่าระวางทางอากาศที่ปรับตัวเพิ่ม ด้านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (JV) อย่างเช่น AOTGA และ ANI เติบโตต่อเนื่องเช่นกัน

ประเมินปี 2567 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง เช่น ธุรกิจ CHEMICAL มีการขยายคลังสินค้าเพิ่ม, ธุรกิจการขนส่งทางอากาศมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการทำ TRANSIT มากขึ้น, ด้าน AOTGA ได้เข้าไปรับงาน AIR CARGO TERMINAL ที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มและ ANI มีแผนที่จะขยายไปยังประเทศเกาหลีใต้ เวียดนาม อินเดีย ประกอบกับทำ M&A เพิ่มเติม ประเมิน FV ปี 2567 อิง HISTORICAL PER ที่ 17 เท่า ได้ FAIR VALUE 14.20 บาท ให้คำแนะนำ OUTPERFORM

ไตรมาส 4 เป็น High Season ดันกำไรต่อเนื่อง

คาดกำไรจากการดำเนินงาน 4Q66 175 ล้านบาท (+10%QoQ, +15%YoY) โดยประเมินรายได้จากธุรกิจหลักที่ 458 ล้านบาท (+15%QoQ, -21%YoY) สาเหตุเกิดจากปริมาณขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามช่วง high season ประกอบกับค่าระวางทางอากาศที่ปรับตัวเพิ่ม (ค่าระวาง BAI00 เฉลี่ยงวด 4Q66 อยู่ที่ 2,280 จุด ปรับเพิ่มจาก ค่าเฉลี่ยในงวด 3Q66 ที่ 1,905 จุด (+20%QoQ)) นอกจากนี้ ธุรกิจ Sea Freight ยังได้รับอานิสงส์จากวิกฤติทะแลแดง ส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในช่วง ธ.ค. ที่ผ่านมา ด้าน gross margin ประเมินที่ 26% ทรงตัวในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุจากคลังสินค้าที่ดอนเมืองมี occupancy rate เพิ่มขึ้นตามจำนวนจากเที่ยวบินและผู้โดยสารของสนามบินดอนเมือง นอกจากนี้กลุ่ม wholesale freight forwarder มีปริมาณเที่ยวบิน Transit เพิ่มขึ้น จาก 2 ปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความประหยัดต่อขนาด (economy of scale) ด้านส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (JV) ยังคงเติบโตได้ดี เช่น บริษัท บริการภาคพื้นท่าอากาศยานไทย จำกัด (AOTGA) และบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (ANI) ที่ได้รับอานิสงส์จาก
ผู้โดยสารที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่าส่วนแบ่งกำไรจาก ANI ได้รับผลทระทบเชิงลบจาก dilution effect ค่อนข้างจำกัดเนื่องจาก ANI เข้าจดทะเบียน 14 ธ.ค. คิดเป็นเพียง 0.5 เดือนจาก 3 เดือน

ปี 2567 ไม่หยุดเติบโต ลดผลกระทบจาก dilution effect

ฝ่ายวิจัยประเมิน outlook ปี 2567 ยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้ค่าระวางทางอากาศปรับตัวลงในช่วง 1Q67 โดยมีปัจจัยหนุนจากธุรกิจการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ที่จะเพิ่มสัดส่วนการทำ Transit มากขึ้น ประกอบกับธุรกิจ Chemical ที่มีแผนขยายพื้นที่คลังสินค้าเพิ่มเติม ขณะที่ธุรกิจร่วมทุนอย่าง AOTGA ได้เข้าไปรับงาน Air Cargo Terminal ที่สุวรรณภูมิเพิ่มเติม โดยได้สั่งซื้ออุปกรณ์เพื่อเตรียมพร้อมเข้าไปรับงานดังกล่าวแล้ว ขณะที่ ANI หลังจากที่เข้าจดทะเบียนยังมีแผนเติบโตต่อเนื่องจากทั้งธุรกิจหลัก (organic) และธุรกิจร่วมทุน (inorganic) โดยในส่วนของ organic มีแผนที่จะทำสัญญากับสายการบินเพิ่มอีก 5 – 7 แห่ง จากปัจจุบันที่ให้บริการ 20 สายการบินใน 8 ประเทศใน ASEAN, ฮ่องกงและจีน โดยเบื้องต้นในปี 2567 ทาง ANI ตั้งเป้าที่จะขยายไปยังประเทศเกาหลีใต้ เวียดนามและอินเดีย ขณะที่ปี 2568 ตั้งเป้าที่จะขยายไปยัง ยุโรป ออสเตรเลียและอเมริกา ในส่วนของ inorganic มีแผนเข้าซื้อกิจการ (M&A) ตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน (“GSA”) บริษัทอื่นๆ แม้สัดส่วนการถือ ANI จะลดลงจาก 51% เหลือ 36% แต่ด้วยการเติบโตดังกล่าว ฝ่ายวิจัยประเมินว่าส่วนแบ่งกำไรจาก ANI ในปี 2567 จะอยู่ในระดับที่ไม่ต่างจากปี 2566

ราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานมาก … ให้คำแนะนำ Outperform

แม้ราคาหุ้นปรับลดลงมา 13% ตั้งแต่ประกาศงบ 3Q66 ออกมา แต่ฝ่ายวิจัยยังประเมินว่าปัจจัยพื้นฐานของ III ยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนจากผลประกอบการที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับปี 2567 มีแผนการขยายธุรกิจมากมายผ่านช่องทาง organic และ inorganic ฝ่ายวิจัยประเมิน Fair Value ปี 2567 อิง Historical PER ที่ 17 เท่า ได้ Fair Value 14.20 บาท ให้คำแนะนำ outperform

การดำเนินการด้าน ESG ของ III

ด้านสิ่งแวดล้อม : บริษัทให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยและสุขอนามัยของบุคคลากรของบริษัทและชุมชนรอบสถานประกอบการ สนับสนุนให้มีการใช้ทรัพยากรในระดับที่เหมาะสม และจัดให้มีการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมไม่น้อยกว่าที่กฏหมายกำหนด

ด้านสังคม : บริษัทสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนด้านต่างๆ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีตามความเหมาะสม ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข การสร้างงานและสร้างรายได้

ด้านธรรมาภิบาล : กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ ปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น เช่น ไม่เรียกกับและจ่ายสินบนกับบุคคลอื่น ละเว้นการรับ-ให้ของขวัญ และจัดระบบควบคุมภายในเพื่อป้องกันการทุจริต

ประเด็นความเสี่ยง

  1. ธุรกิจโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องการเงินลงทุนสูง ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่งขันได้ง่าย ส่งผลให้บริษัทมีลูกค้าลดลงหรือบริษัทต้องลดราค่าบริการ อาจส่งผลให้อัตรากำไรลดลง
  2. ความเสี่ยงจากการลงทุนในต่างประเทศ บริษัทดำเนินธุรกิจในต่างประเทศทั้งในรูปแบบบริษัทจำกัดและในรูปแบบสาขาของกลุ่มบริษัท อาจมีความเสี่ยงในด้านความแตกต่างและความไม่คุ้นเคยในกฎหมาย ข้อบังคับ และวัฒนธรรม
  3. ความเสี่ยงจากการพึ่งพิงคู่ค้าทางธุรกิจและลูกค้ารายใหญ่
- Advertisement -