บล.ฟิลลิป:

ธนาคารกสิกรไทย – KBANK ตั้งเป้าโตอย่างมีคุณภาพ

Key Point

เปิดแผนธุรกิจปี 67 ตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 3 – 5% รักษาระดับ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 66 จะยังมีการตั้งสำรองสูงอยู่จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และอาจมีลูกค้ารายใหญ่ตกชั้นเป็น NPL แต่การตั้งสำรองจะน้อยกว่าปี 66 อย่างไรก็ตามการตั้งสำรองนี้ยังสูงกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม จึงได้มีการปรับเพิ่มประมาณการการตั้งสำรองขึ้น และทำให้ประมาณการกำไรปี 67 ลดลง และทำให้ราคาพื้นฐานปรับลดลงเหลือ 139 บาท อย่างไรก็ตามยังมีส่วนต่าง จึงยังแนะนำ “ซื้อ”

เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 67

KBANK ได้เปิดเผยแผนธุรกิจในปี 67 ประกอบไปด้วยส่วนหลักๆ 3+1 โดยส่วนแรกคือทบทวนการปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ได้ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง และให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด ส่วนที่สองคือ เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม ผ่านธุรกิจให้คำปรึกษา และแบ็งก์แอสชัวรันซ์เพิ่มช่องทางการใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิตอล และส่วนที่สามคือ ปรับปรุงโมเดลการขายและการให้บริการ เพื่อเพิ่มช่องทางในการหารายได้ ในส่วน +1 คือเพิ่มช่องทางในการหารายได้ใหม่ ๆ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยนอกจากจะเพิ่มช่องทางการหารายได้ใหม่ ๆ ผ่านบริษัทในเครือแล้ว ยังจะเพิ่มรายได้ที่มาจากต่างประเทศด้วย

ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่ม 3 – 5% และรักษาระดับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย

ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเพิ่มในปี 67 อีก 3- 5% โดยสินเชื่อหลัก ๆ จะมาจากสินเชื่อรายใหญ่เป็นหลัก ที่ตั้งเป้าปล่อยเพิ่ม 2- 4% ในขณะที่สินเชื่อรายย่อ และสินเชื่อ SME ตั้งเป้าเติบโตไม่มาก เพียง 1- 2% จากปี 66 ที่สินเชื่อหดตัว 0.2% โดยจะโฟกัสสินเชื่อที่มีคุณภาพ กลุ่มที่ฟื้นตัวจากเศรษฐกิจ รวมไปถึง สินเชื่อในต่างประเทศ และตั้งเป้ารักษาระดับส่วนต่างให้ทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกับปี 66 ที่ประมาณ 3.7%

จะยังมีการตั้งสำรองสูงอยู่ในปี 67 แต่จะลดลงจากปี 66

ในปี 67 KBANK จะยังคงมีการตั้งสำรองสูงต่อเนื่อง เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และความเสียงที่ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่อาจจะมีการตกชั้นมาเป็น NPL โดยจะตั้งสำรอง 175 – 195 bps อย่างไรก็ตามการตั้งสำรองนี้จะยังต่ำกว่าปี 66 ที่มีการตั้ง 208 bps และจะพยายามรักษาระดับ NPL ไว้ไม่ให้เกิน 3.25% จากปี 66 ที่มีอยู่ 3.19%

ปรับลดประมาณการกำไร และราคาพื้นฐานลง

การที่ KBANK จะยังตั้งสำรองสูงต่อในปี 67 ซึ่งระดับการตั้งสำรองนี้สูงกว่าที่ทางฝ่ายคาดไว้เดิม ทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไรปี 67 ของ KBANK ลงเหลือ 43 พันลบ. จากเดิมที่คาดไว้ที่ 44 พันลบ. แต่ยังเพิ่มขึ้น 1.9% y-y และคาดว่าปี 67 KBANK จะมีการจ่ายปันผล 4.60 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 3.8% ส่วนปี 66 คาดว่าจะจ่าย 4.50 บาท/หุ้น โดยมีการจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 0.50 บาท/หุ้น เหลือปันผล 2466 อีก 4 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 3.3% ปรับราคาพื้นฐานลงมาเป็น 139 บาท ยังคงมีส่วนต่างเหลืออยู่ จึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -