บล.ฟินันเซีย ไซรัส:
BETAGRO (BTG TB)
ยังติดตามราคาหมูไทย และหมู่เถื่อนกัมพูชา
- คาด 4Q23 ขาดทุนลดลงเล็กน้อยจาก 3Q23 จากราคาวัตถุดิบเริ่มลง
- บริษัทส่งสัญญาณว่าปัจจุบันหมูไทยเริ่มมีกำไรแล้ว แต่เรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อ 1Q24 เพราะหมูเถื่อนกัมพูชาแย่ลง
- ยังคงประมาณการปี 2024 พลิกมีกำไรตามเดิม แต่แนะนำติดตามสถานการณ์ราคาหมูไทยและกัมพูชาต่อไป
คาด 4Q23 จะขาดทุนลดลง q-q เล็กน้อย
คาดผลการดำเนินงาน 4Q23 จะขาดทุนราว -659 ลบ. ดีขึ้นเล็กน้อยจาก -784 ลบ.ใน 3Q23 จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง โดยข้าวโพด -11% q-q, -17.5% y-y ส่วนกากถั่วเหลือง +2.3% q-q แต่ -5.6% y-y ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงเริ่มปรับลง คาดอัตรากำไรขั้นต้นขยับขึ้น q-q ได้ แต่ด้วยราคาหมูไทยเฉลี่ยที่ยังปรับลง 4.2% q-q, -38.5% y-y และหมูกัมพูชา -15% q-q, -11% y-y ขณะที่สถานการณ์หมูเถื่อนในกัมพูชาเริ่มหนักขึ้น จึงกดดันให้ราคาหมูเดือน ธ.ค. ปรับลงต่ำสุดในรอบ 6 ปี อยู่ที่ KHR6,200 ต่อกก. -20% y-y สรุปภาพ 4Q23 คือ หมูไทยจะขาดทุ่นน้อยลง แต่คาดหมูกัมพูชาขาดทุนมากขึ้น จบปี 2023 คาดขาดทุนราว 1.3 พันลบ. พลิกจากที่มีกำไร 7.9 พันลบ.ในปี 2022
แนวโน้มหมูไทย 1Q24 ดูดีขึ้น บริษัทส่งสัญญาณว่าพลิกมีกำไรแล้ว
แนวโน้มหมูไทย 1Q24 ดูดีขึ้น น่าจะเริ่มพลิกมีกำไรได้ หลังจากราคาหมูล่าสุดขยับขึ้นแตะ 68-70 บาท/กก. +12.3% q-q ขณะที่ราคาข้าวโพดยังลงต่อล่าสุดอยู่ที่ 10.1 บาท/กก. -3% q-q แต่ราคากากถั่วเหลืองขยับขึ้น +3.6% q-q บริษัทให้มุมมองเชิงบวกต่อราคาหมูไทยในช่วงถัดไปน่าจะปรับขึ้นได้ต่อเนื่องจากเทศกาลตรุษจีนเป็นหลัก และสถานการณ์หมูเถื่อนที่เริ่มคลี่คลาย ส่วนธุรกิจไก่ส่งออก แม้จะมี่ปัญหาขนส่งเส้นทาง Red Sea อาจกระทบต่อรายได้ส่งออกไปยุโรปของบริษัท เพราะส่วนใหญ่เป็นการขายแบบ CIF (ราคาขายรวมค่าขนส่ง) แต่คาดผลกระทบจำกัด เพราะมีสัดส่วนรายได้เพียง 4% ของรายได้รวม และเตรียมเจรจาปรับขึ้นราคากับลูกค้า หากสถานการณ์ยืดเยื้อ
แต่สถานการณ์หมูเถื่อนกัมพูชาแย่ลง ล่าสุดราคาหมูต่ำสุดในรอบ 6 ปี
แนวโน้ม 1Q24 อาจพื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาด มีความเป็นไปได้ที่จะยังขาดทุนต่อ หากสถานการณ์หมูเถื่อนในกัมพูชาแย่ลง แม้สัดส่วนรายได้ของหมูกัมพูชา จะคิดเป็นเพียง 3-4% ของรายได้รวม แต่ผลขาดทุนถือว่ามีนัยสำคัญต่อบริษัทพอควร และเริ่มขาดทุนมาในปี 2023 และขาดทุนหนักขึ้นใน 4Q23 เรายังต้องติดตามพัฒนาการหมูเถื่อนกัมพูชา ว่าจะแย่ลงและกินเวลานานคล้ายไทย (ราว 2 ปี) หรือไม่ ถือเป็นประเด็นที่เป็น Downside ต่อประมาณการของเรา
คงประมาณการกำไร แต่มีมุมมองระมัดระวังมากขึ้น
เบื้องต้นเรายังคงประมาณผลการดำเนินงานปี 2024 ตามเดิม โดยคาดจะพลิกมีกำไรอีกครั้งที่ระดับ 2.6 พันลบ. และคงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2024 ที่ 23 บาท (อิง PE เดิม 17x) แต่เรามีมุมมองระมัดระวังมากขึ้นต่อการฟื้นตัวของกำไรที่อาจช้ากว่าคาด เพราะมีปัจจัยลบเพิ่มขึ้นจากปัญหาหมูเถื่อนในกัมพูชา ขณะที่ยังต้องติดตามรอคอยการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์ในไทยต่อไป จึงคงคำแนะนำถือตามเดิม
Investment thesis
บริษัทถือเป็นผู้ประกอบการธุกิจอาหารครบวงจรชั้นนำของไทย ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ โดยมีฐานการผลิตและจัดจำหน่ายอยู่ทั่วภูมิภาคของไทย และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีฐานการผลิตในประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา ลาว และพม่า
บริษัทมีช่องทางการจำหน่ายกระจายถึง 8 ช่องทาง ประกอบด้วย เบมาโกร ช้อป, Modern Trade, Traditional Trade, Food Service, ลูกค้าอุตสาหกรรม (OEM) และช่องทางส่งออก (มากกว่า 20 ประเทศ) ทั้งนี้บริษัทได้สร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งภายใต้แบรนด์ BETAGRO, S-Pure, Perfecta เป็นต้น
Company profile
BTG ก่อตั้งขึ้นในปี 1Q67 และจดทะเบียนเข้าตลท.ในปี 2022 ถือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างครบวงจร เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำอย่างอาหารสัตว์บก การทำธุรกิจฟาร์มเลี้ยงหมูและไก่ รวมถึงเวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ต่อเนื่องไปจนถึงการแปรรูปเนื้อสัตว์ ผลิตอาหารที่มีคุณภาพให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง โดยสิ้นปี 2022 มีสัดส่วนรายได้จาก Food & Protein 67.3% รองมาคือ Agro 25.2%, International 5.5% และ Pets 2% ของรายได้รวม ตามลำดับ
Catalysts
ปัจจัยหนุนการเติบโตในปี 2024 คือ 1) การเติบโตของปริมาณขายตามกำลังซื้อและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 2) ราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น 3) ต้นทุนวัตถุดิบอาหารทรงตัวถึงปรับลดลง และ 4) ธุรกิจใน ต่างประเทศฟื้นตัว
Risks to our call
Downside และ Upside risks ต่อราคาเป้าหมายของเรา คือ 1) กำลัง ซื้อฟื้นตัวช้ากว่าหรือเร็วกว่าคาด 2) ราคาเนื้อสัตว์ปรับขึ้นช้ากว่าหรือเร็วกว่าคาด 3) ต้นทุนวัตถุดิบปรับลงช้ากว่าหรือเร็วกว่าคาด และ 4) ค่าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่ามากกว่าคาด