บล.ทรีนีตี้

บมจ. เบทาโกร – BTG

  • Upside/Downside +1% / Median Consensus 22.50 บาท

คาด 4Q66 ยังขาดทุน แต่อาจเห็นการฟื้นตัวในปี 67

  • คาดขาดทุนสุทธิ 630 ล้านบาท พลิกจากกำไร 1.8 พันล้านบาทใน 4Q65 แต่ขาดทุนน้อยลงจาก 3Q66 ที่ 784 ล้านบาท
  • แม้ว่าราคาหมูในช่วงปลายปีจะเริ่มดีขึ้น แต่โดยเฉลี่ยใน 4Q66 ยังลดลง QoQ
  • แต่มีปัจจัยบวก คือ ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่อ่อนตัวลง เนื่องจากเป็นฤดูเก็บเกี่ยวของประเทศผู้ผลิต
  • แนวโน้มราคาหมูและไก่ในช่วงต้นปี 67 เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง โดยยังต้องติดตามต่อว่าจะยังยืนได้ภายหลังตรุษจีนหรือไม่
  • แต่ต้นทุนวัตถุดิบยังลดลงต่อเนื่อง เป็นผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น
  • ยังคงราคาเป้าหมาย 22 บาท Upside ค่อนข้างจำกัด แนะนำเพียง “ถือ”

คาด 4Q66 ยังขาดทุน แต่เริ่มดีขึ้นจาก 3Q66

เราคาด 4Q66 จะยังขาดทุนที่ราว 630 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่า 4Q65 ที่มีกำไรiาว 1.8 พันล้านบาท แต่ขาดทุนน้อยลงจาก 3Q66 ที่ 784 ล้านบาท โดยคาดรายได้ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย 1%QoQ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นคาดอยู่ที่ 9.0% จาก 8.2% ใน 3Q66 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาสัตว์บก โดยเฉพาะราคาหมูจะยังอ่อนตัวลง QoQ ก็ตาม ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง ส่งผลบวกต่ออัตรากำไร แม้ว่าจะส่งผลบวกไม่เต็มที่เนื่องจากราคาสัตว์บกอ่อนตัวลงเช่นกัน ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อยอดขายยังทรงตัวใกล้เคียงกับ 3Q66 ที่ 10.7% เนื่องจากบริษัทพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายตามภาวะที่ราคาขายอ่อนตัว

อาจเห็นการฟื้นตัวในปี 67 แต่ต้องติดตามราคาหมูอย่างใกล้ชิด

ราคาหมูนับแต่ช่วงต้นปี 2567 เริ่มปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ราว 70 บาท/กก. (+7%QoQ) ขณะที่ราคาไก่ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ราว 39 บาท/กก. (+4%QoQ) โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการปราบปรามหมูลักลอบน้ำเข้าที่ได้ผลมากขึ้น และอีกส่วนอาจเป็นผลจากเทศกาลตรุษจีน ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์ในทะเลแดง ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องเจรจาปรับเงื่อนไขด้านราคาขาย (เพื่อชดเชยต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น) กับลูกค้า โดยเฉพาะการส่งออกไก่ไปยุโรป และอีกประเด็นที่ต้องติดตาม คือ ทิศทางราคาสัตว์บกในกัมพูชา ซึ่งเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาหมูลักลอบนำเข้าเช่นกัน ในภาพรวมเราคาดจะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจได้บ้างในปี 2567 แต่คาดว่าจะยังไม่กลับไปสู่ระดับปกติ ปัจจัยบวกที่ชัดเจนมีเพียงต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาสัตว์บกที่เป็นราคาขายยังต้อง ติดตามทิศทางต่อไปอีกระยะหนึ่ง

ยังคงขาดปัจจัยหนุนระยะสั้น

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 22 บาท อิง PBV ที่ 1.5 เท่า ด้วย Upside ที่ค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ”

- Advertisement -