Daily View
เมื่อคืนที่ผ่านมานายกฯได้ประกาศเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 พ.ย. โดยไม่ต้องกักตัวใดๆ หากได้รับ Vaccine ครบ 2 โดส แต่จะกำหนดให้บางประเทศเท่านั้น โดยเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงจาก COVID-19 ต่ำ อาทิ อังกฤษ สิงค์โปร์ เยอรมนี จีน อเมริกา ส่วนประเทศอื่นๆนอกเหนือจากนี้ การเข้ามาประเทศไทยยังต้องกักตัวตามเงื่อนไขที่กำหนด ขณะเดียวกัน เตรียมจะผ่อนคลายให้สถานบันเทิงกลับมาเปิดพร้อมสามารถรับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค. ปัจจัยการประกาศเปิดประเทศเชื่อว่าไม่หนีไปจากตลาดคาดมาก แต่ที่สร้างความประหลาดใจ คือ เข้ามาได้โดยไม่ต้องกักตัว พร้อมกับเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในช่วงเวลาปกตินักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนอันดับแรกราว 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจีนยังไม่อนุญาติให้ชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีความกังวลเกี่ยวกับการระบาด COVID-19 ค่อนข้างมาก ดังนั้นในเชิงผลประกอบการของกำไรบริษัทจดทะเบียนระยะสั้นอาจจะยังไม่เห็นผลบวกมาก จากการเปิดประเทศจนกว่าจะเห็นการผ่อนคลายให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่ระยะกลางยังเชื่อว่าจะเห็นการผ่อนคลายให้คนจีนออกเดินทางได้ มอง AOT จะเป็นผู้ได้ประโยชน์มากสุด ส่วนกลุ่มโรงแรมมอง ERW ได้ประโยชน์มากสุด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ในไทยถึง 90% ครอบคลุมทุก Segment (1-5 ดาว) อื่นๆจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อม อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL) รถไฟฟ้า (BTS BEM) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB) ร้านอาหาร (M) ส่วน SET INDEX วันนี้มีโอกาสแกว่งบวกรับข่าวเปิดประเทศ พร้อมกับราคาน้ำมันดิบ BRT ที่ยัง New High ต่อเนื่องหนุนกลุ่มน้ำมันมองกรอบ 1634 – 1650
กลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นแนะท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) น้ำมัน (PTTEP) ส่วนระยะกลาง – ยาว ยังเน้นทยอยสะสม Domestic Play ต่อเนื่อง อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) สื่อนอกบ้าน (PLANB VGI) ร้านอาหาร (M) ท่องเที่ยว (AOT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)
Stock Pick
AOT (ถือ / ราคาเป้าหมาย 56 บาท) Trading ระยะสั้นตามปัจจัยบวกจากการแถลงของนายกฯต่อการประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ AOT จะเป็นผู้ได้ประโยชน์ทางตรงและมากที่สุด หนุนจากรายได้ PSC รวมไปถึงร้านค้าภายในสนามบินที่จะรับลูกค้าได้มากขึ้น หนุนรายได้ค่าเช่ารวมถึงส่วนแบ่งรายได้ ของ AOT สูงขึ้น
KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 174 บาท) คาดกำไร 3Q21 ที่ 9 พันลบ. (+ 36%YoY, +1.9%QoQ) จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่กำไรก่อนตั้งสำรองจะลดลง 1.9%QoQ (+36%YoY) จากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียม ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง คาดกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง 4Q21 เป็นต้นไป จากการขยายตัวของสินเชื่อ SME หลังคลายล็อกดาวน์ โดยธนาคารจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการเปิดประเทศในปีหน้า เนื่องจากมีสินเชื่อ SME และสินเชื่อที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวสูง