Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดว่าจะทรงตัว ดัชนีปิดบวกได้อีก 13.03 จุด ที่ 1,396.96 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 5.7 หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 ยังคงปรับตัวขึ้นได้แข็งแรง สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นเร่งขึ้นเป็น 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องสูงถึง 3.6 พันลบ. (และ Long Index Futures เกือบ 3.1หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง จากโมเมนตัมกระแสเงินทุนที่พลิกมาไหลเข้าต่อเนื่องในช่วง 4 วันที่ผ่านมา โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,390-1,410 จุด ด้าน Bond Yield และ Dollar Index สหรัฐฯปรับลงเล็กน้อย ส่งผลให้ค่าเงินสกุลเอเชียเริ่มพลิกมาแข็งค่ารวมถึงค่าเงินบาท คาดว่ายังเอื้อให้กระแสเงินทุนยังมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่องในระยะสั้น ส่วนปัจจัยหลักวันนี้ที่ต้องติดตามคือการประชุมกนง. ซึ่งเราคาดว่ายังคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.5% แต่ต้องดุว่าจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยในระยะถัดไปที่เปิดช่องลดดอกเบี้ยมากขึ้นหรือไม่ หลังเงินเฟ้อทั่วไปขอไทยติดลบ 4 เดือนติดต่อกัน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานทรงตัวในระดับต่ำเพียง 0.5-0.6% y-y ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของกนง.อยู่มาก รวมถึงการปรับประมาณการ GDP ลง อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทย Bottom แล้วในปีก่อน และยังคาดหวังการฟื้นตัวในปี 2024 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดทยอยออกมาต่อเนื่องใน 2024-2H24 ส่วนด้านกำไรบจ.ให้จับตาช่วงครึ่งเดือนหลังของ ก.พ. ว่าจะเห็นการปรับประมาณการกำไรปี 2024 ลงมากน้อยเพียงใด เรายังมองดัชนีที่ระดับต่ำ 1,400 จุด ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว จังหวะปรับลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่งและมีประเด็นบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : KCG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
- เราคาดกำไร 4Q23 ที่ 138 ลบ. +150% 9-9, +21% y-y จากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นตาม Festive Season และการขยายกำลังผลิตชีสแผ่น IWS จบปี 2023 คาดกำไรที่ 303 ลบ. +26% y-y
- เราคาดว่า KCG กำลังอยู่ในช่วงเติบโตจากทั้งตลาดเนยและชีสเติบโตต่อเนื่องปีละ 5-7% รวมถึงการขยายกำลังการผลิตทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ เราคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 349 ลบ. +16% y-y
- แนวรับ 8.50//8.30 บาท แนวต้าน 9//9.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนโดยรวมผสมผสาน สุทธิแล้วไหลเข้าบางๆ US$48 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าเกาหลีใต้ US$229 ล้าน แต่ไหลออกจากไต้หวัน US$316 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้าสูงสุดที่ไทย US$102 ล้าน ตามด้วยอินโดนีเซีย US$49 ล้าน ส่วนเวียดนามไหลออก US$17 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่าจะไหลเข้าหนาแน่นขึ้นหลัง Bond Yield และ Dollar Index สหรัฐฯเริ่ม อ่อนตัวลงอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) BCH & CHG กรณี SSO ขอปรับลดเงินค่ารักษาจาก 12,000 บาท/RW เป็น 10,000 บาท/RW ของการรักษาปี 2022 ที่โรงพยาบาลเบิกย้อนหลังในช่วง ม.ค.- ก.พ 2023 เรามองผลกระทบน่าจะจำกัดเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นรายการเบิกย้อนหลัง ส่วนผลกระทบของการรักษาในปี 2023 ที่จะมาลงในปี 2024 ซึ่งต้องติดตามว่างบประมาณจะเพียงพอหรือไม่ หากงบประมาณไม่พอ เบื้องต้นเราคาดว่า BCH จะต้องตั้ง provision ราว 20 ลบ./เดือน ส่วน CHG จะตั้งราว 10 ลบ./เดือน (คาด worst case ไม่เกิน 3 เดือน) ส่วนการบันทึกบัญชีปี 2024 ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละโรงพยาบาลว่าจะ Conservative มากขึ้นหรือไม่โดยการปรับลดการบันทึกรายได้ลงจาก 12,000/RW เบื้องต้นราคาหุ้นที่ปรับลงมา ขณะที่ผลกระทบจำกัด จึงมองเป็นโอกาส “ซื้อ” BCH (ราคาเป้าหมาย 26 บาท) CHG (ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท)
(+) DOHOME คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 122 ลบ. +34% q-q, +412% y-y จากการเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวของเกษตรกร และจากฐานที่ต่ำในปีก่อน ขณะที่คาด Gross margin ปรับตัวดีขึ้นจากทั้งสัดส่วนและอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า private brand ดีขึ้นจากค่า Freight ที่ลง ขณะที่ SG&A ปรับสูงขึ้นจากการขยายสาขา เราปรับลดกำไรปกติปี 2023-25 จาก SSSG ที่ลบมากกว่าที่คาด และความไม่แน่นอนของการขยายสาขาในปี 2024 และได้ราคาเป้าหมายใหม่ 12.30 บาท อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เราจึงยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) GLOBAL คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 510 ลบ. -3% q-q และ -3% y-y จากแนวโน้ม SSSG ที่ยังคาดว่าจะยังติดลบราว 12% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน จากกำลังซื้อต่างจังหวัดที่ฟื้นตัวช้า และการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐล่าช้า และคาด GPM เพิ่มขึ้นทั้ง q-q, y-y จากสินค้า Private brand ที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่ SG&A to sales คาดเพิ่มขึ้นตามการขยายสาขาระยะสั้นยังเป็นลบ คาดเห็น SSSG กลับมาเป็นบวกได้ใน 2H24 ปรับประมาณการกำไรปี 2023-24 ลง 5% และ 2% และคงปี 2025 ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 17.70 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
(+) GABLE คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 107 ลบ. +62% q-q, -15% y-y ซึ่งยังเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี 2023 และคาดกำไรปกติทั้งปี 2023-3% y-y ต่ำกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2023-25 ลงเป็นเติบโต 3%/+23%/+16% ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ย 19% ต่อปี ได้ราคาเป้าหมายใหม่ 6.80 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE เพียง 9.4 เท่า ต่ำสุดในกลุ่ม ICT จึงยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) MOSHI เป็นร้านค้าปลีกที่ขายสินค้าไลฟ์สไตล์ทันสมัยในราคาย่อมเยา ปัจจุบันมี 131 สาขาครอบคุม 48 จังหวัด คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 40% ในสินค้าประเภทไลฟ์สไตล์ จุดเด่นอยู่ที่เป็นหุ้นที่มีกำไรเติบโตสูงต่อเนื่อง จากแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่องปีละ 20 สาขา เป็น 151 สาขา ในปี 2024 และ 171 สาขาในปี 2025 และ SSSG เป็นบวกต่อเนื่องจากการออกสินค้าใหม่ เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินมูลค่าหุ้น MOSHI ด้วยวิธี DCF ได้ราคาเหมาะสม 66 บาท แม้ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PE สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีก แต่ MOSHI มี SSSG ดีสุดในกลุ่ม และ ROE ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มค้าปลีก
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 141.24 จุด หรือ +0.37% ปิดที่ 38,521.36 จุด โดยตลาดฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนประเมินการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟด
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทบีพีและราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนขานรับจีนออกมาตรการกระตุ้นตลาดการเงินครั้งใหม่
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ยกเว้นตลาดนิกเกอิ หลังนักลงทุนประเมินรายได้และกำไรในตลาดสหรัฐฯ และในภูมิภาคเอเชีย
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.67%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ หรือ 0.73% ปิดที่ 73.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในปีนี้ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากมีรายงานว่าอาจมีการบรรลุข้อตกลงพักรบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 73.54 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.31%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.50 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 2,051.40 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงเล็กน้อยที่ระดับ 2,051.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.01%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 847.69/ -0.47%