การลดดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยช่วยเศรษฐกิจไทย

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.4% ขณะที่ S&P500 ทำจุดสูงสุดใหม่ ตอบรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวร 0.8% หลังสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบเบนซินที่ลดลงในสัปดาห์ก่อน บ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง

Market Outlook

เมื่อวานที่ประชุม กนง. มีมติไม่เอกฉันท์ด้วยสัดส่วน 5 : 2 คงดอกเบี้ยนโยบายที่เดิม ขณะที่อีก 2 เสียงประเมินว่าควรลดดอกเบี้ย โดยระบุเศรษฐกิจไทยในปี 24 มีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงจากภาคส่งออกและการผลิต เนื่องจากอุปสงค์โลกและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า รวมถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างกระทบการขยายตัวของส่งออก สินค้าอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวแต่อุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ด้านเงินเฟ้ออยู่ระดับต่ำและเข้าสู่กรอบเป้าหมายช้ากว่าที่ประเมินไว้ คณะกรรมการประเมินว่าเศรษฐกิจที่ขยายชะลอลงในช่วงที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากภาคต่างประเทศแต่บริโภคภายในยังขยายตัวดีต่อเนื่อง และอัตราดอกเบี้ยก็สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินพร้อมคาด GDP Growth 24 ในกรอบ 2.5 – 3% แรงหนุนหลักยังมาจากการบริโภคภายในและการท่องเที่ยว แต่มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับปัญหาโครงสร้าง โดยเฉพาะความสามารถในการแข่งขันของประเทศจะเป็นอุปสรรคมากขึ้น มองหุ้นได้ประโยชน์ยังเป็นกลุ่มอิงการบริโภค ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR)

ทั้งนี้เราเชื่อว่าดอกเบี้ยไทยผ่านจุดสูงสุดแล้วโอกาสที่จะปรับขึ้นจากนี้เป็นไปได้ยาก เพราะเงินเฟ้อที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ส่งสัญญาณจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตามด้วยดอกเบี้ยที่จบรอบขาขี้เจะสร้างแรงกดดันเล็กน้อยต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ตามส่วนต่างดอกเบี้ยที่สูงสุด ส่วนคืนนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.2 แสนราย และสัปดาห์หน้ารอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯ (ปัจจัยสำคัญ)

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1390 – 1410 กลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยสะสมได้เช่นเดิมสำหรับลงทุนระยะกลาง – ยาว จากระดับ Valuation ที่ยังไม่แพงเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) สนามบิน (AOT) โรงแรม (CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) เชิง Trading ระยะสั้นเลือกกลุ่มการเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) น้ำมัน (PTTEP) โรงกลั่น (BCP SPRC TOP)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท)

ปี 2024 แม้จะยังเป็นปีที่ท้าทายด้านคุณภาพสินเชื่อ ต้นทุนการเงิน และความเข้มงวดของภาครัฐ แต่จุดเด่นของกลุ่มยังเป็นเรื่องการขยายสินเชื่อ เราคาดว่ากำไรสุทธิรวมในปี 2024 จะเติบโต 17.2% YoY เร่งตัวขึ้นจากเติบโต 3.5% ในปี 2023 โดยทั้ง MTC SAWAD TIDLOR จะมีความสามรถการทำกำไรที่ดีขึ้นในปี 2024 แม้หนี้เสียยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ในระดับชะลอตัวลง ด้านมุมมองการลงทุน เราคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” เลือก TIDLOR เป็นหุ้นเด่น

CPAXT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท)

คาดกำไร 4Q23 ที่ 3.16 พันล้านบาท (+29%YoY, +89%QoQ) จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ของ Makro ที่ +1.7% และ Lotus’s +5% พร้อมกับค่าใช้จ่ายที่เติบโตในอัตรา ที่ช้าลง QoQ

- Advertisement -