Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงปรับตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย ปิดบวก 3.06 จุด และทำให้ดัชนีกลับมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดอีกครั้ง ส่วนมูลค่าการซื้อขายบางลงเล็กน้อยเหลือ 4.6 หมื่นลบ. กลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ ค้าปลีก ปิโตรเคมี พลังงาน ไฟแนนซ์ อสังหาฯ เป็นต้น หลังจากผลการประชุมกนง.เสียงแตก สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิ 2 พันลบ. (แต่ยัง Long Index Futures อีก 5.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งตัว Sideways to Sideways Up หลังกลับมายืนเหนือระดับ 1,400 จุดได้อีกครั้ง ขณะที่บรรยากาศการลงทุนยังค่อนข้างเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ Bond Yield และ Dollar Index ขยับตัวลงเล็กน้อย ด้านผลการประชุมกนง.วานนี้ เรามองเป็นกลางหลังคงดอกเบี้ยที่ 2.5% แต่ประเด็นกังวลยังคงอยู่ที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ยังค่อนข้างช้า โดยเฉพาะหากเปรียบเทียบกับภูมิภาค ซึ่งเรามองว่ายังคงกดดันในแง่การเติบโตของ EPS ของ SET ในปี 2024 ซึ่งต้องติดตามว่าจะเห็นการปรับลดประมาณการลงมากน้อยเพียงใด หลังจากช่วงประกาศกำไร 4Q23 ของบจ. อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ Bottom ในปี 2023 แล้วก่อนเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐรวมถึงงบประมาณปี 2024 ที่คาดว่าจะผ่านใน 2024 เรายังมองดัชนีที่ระดับต่ำ 1,350-1,400 จุด ยังน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว จังหวะปรับลงของดัชนีเป็นโอกาสในการทยอยสะสม ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง และมีประเด็นบวกเฉพาะตัว
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : SAV
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
- คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 68 ลบ. +4% y-Y, -25% q-q ส่วนกำไรไม่รวมภาษีหัก ณ ที่จ่ายคาด +5% q-q, +60% y-y จากปริมาณเที่ยวบินขึ้น-ลงที่เพิ่มขึ้นตามฤดูท่องเที่ยวในกัมพูชา ส่วนปริมาณเที่ยวบินผ่านคาดชะลอตัวจาก Low Season ของเวียดนาม ขณะที่ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจ่ายปรับลดลงหลังได้เงิน IPO ไปชำระหนี้
- โมเมนตัมกำไรปี 2024 เป็นขาขึ้นตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของกัมพูชาและเวียดนามที่ฟื้นตัว หนุนปริมาณเที่ยวบินทั้งขึ้น-ลงจอดและบินผ่าน ขณะที่ Upside ในอนาคตคือ โอกาสได้งานวิทยุการบินในลาวเพิ่ม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปใน 1Q23 เราคาด 2024-25 +90% y-y และ +28% y-y ตามลำดับ
- แนวรับ 16.50//16 บาท แนวต้าน 17//17.40 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$499 ล้าน โดยไหลเข้าเกาหลีใต้ US$443 ล้าน ส่วนไต้หวันปิดทำการ ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซียสูงสุด US$91 แต่ไหลออกจากไทย US$56 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้า โดยเฉพาะเอเชียตะวันออก นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีหลัง Bond Yield และ Dollar Index สหรัฐฯขยับอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อย
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กนง. เสียงแตก ด้วยมติเสียงข้างมาก 5:2 คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ตามคาด โดยคณะกรรมการ 2 ท่าน โหวตให้ปรับลง 0.25% จากศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจที่ลดลง ซึ่งเห็นว่า Neutral Rate ควรจะขยับลงตาม ธปท.มีแนวโน้มปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลง โดยเบื้องต้นคาด GDP ปี 2024 จะอยู่ในช่วง 2.5-3% จากผลการประชุมวานนี้ที่เสียงแตก ทำให้เราคาดว่ามีโอกาสมากขึ้นที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงกลางปี
(0) จับตาเงินเฟ้อจีน ตลาดคาดเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ม.ค. 2024 -0.5% ลดลงจาก -0.3% ในเดือน ธ.ค. 2023 ซึ่งจะเป็นการติดลบติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 จากราคาอาหารที่ยังปรับลงต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกเล็กน้อย หากตัวเลขออกมาตามคาด แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ในจีนยังอ่อนแอ ซึ่งจะกดดันให้รัฐบาลออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจ และธนาคารกลางจีนมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่อง และจะส่งผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นภุมิภาคจากความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่ยังฟื้นตัวช้า แต่หากมีรัฐบาลจีนออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่หรือปรับลดอกเบี้ยก็อาจจะเป็นข่าวบวกต่อตลาดหุ้นในภูมิภาคระยะสั้นได้
(+) กลุ่มท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 5/2024 (29 ม.ค – 4 ก.พ) ตัวเลขนักท่องเที่ยวเติบโต +6% w-w และ +87% y-y อยู่ที่เฉลี่ย 1.1 แสนคน/วัน และคิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 90% pre-Covid โดยมีนักท่องเที่ยวจีนทำ new high เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเข้ามาเป็นอันดับ 1 ที่ 2.5 หมื่นคน/วัน +23% w-w คิดเป็นการฟื้นตัวประมาณ 60-70% pre-Covid ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ 49% pre-Covid ส่วนกลุ่ม non-Chinese ฟื้นตัวต่อเนื่องคิดเป็น 95-100% pre-Covid โดยมี growth จาก รัสเซีย +9% w-w
(0) GFC คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 22 ลบ. +5% q-q, +26% y-y จากรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้นจากทั้งจำนวนผู้มีบุตรยากที่เข้ามารับบริการรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้น และรายได้การให้บริการตรวจโครโมโซมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการทำกิจกรรมการตลาด และกิจกรรมส่งเสริมการขายรับปีมังกร ขณะที่ต้นทุนการให้บริการทรงตัวจึงดันให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้น จากแนวโน้มกำไร 4Q23 ที่คาดว่าจะออกมาแข็งแกร่ง เราจึงปรับประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้นเป็น 77 ลบ. +17% y-y ส่วนปี 2024-25 คาดเติบโต +37% Y-y และ +24% y-y ตามลำดับ และ ยังคงราคาเป้าหมาย 12 บาท แต่ด้วย Upside ที่จำกัด จึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ”
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 156.00 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 38,677.36 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะการร่วงลงของหุ้นอิควินอร์และหุ้นโททาลเอเนอร์จี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ในยุโรป
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวกเล็กน้อย โดยนักลงทุนจับตามองตัวเลขเงินเฟ้อจีน และผลการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางอินเดีย เพื่อประเมินทิศทางของตลาดภูมิภาค
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.61 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.11%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 73.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพุธ หลังสหรัฐเปิดเผยสด็อกน้ำมันเบนซินลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์เชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ดึงเครียดในตะวันออกกลางอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 74.01 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.20%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 2,051.70 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 2,052.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.06%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 842.22/ -0.65%