KS Daily View 09.02.2024 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด มองอาจมีแรงหนุนจากหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% แต่อาจไม่ผ่านแนวต้าน 1,400 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ PTTEP, AAV
สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้
- ต่างประเทศ : : ดัชนี DJIA +0.13% S&P500 +0.06% NASDAQ +0.24%; Dollar index +0.09% ปิดที่ 104.147 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.784; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures +3.06% ปิดที่ $81.63/bbl; ราคาทองคำ -0.06% ปิดที่ $2,032.99/ounce; US 10Y yield +6bps ปิดที่ 4.156%
- ในประเทศ: SET Index -11.42 จุด หรือ -0.82% ปิดที่ 1,388.6 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ BSRC (+4.44%), MOSHI (+1.88%), BCP (+1.75%), TIDLOR (+0.88%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ STGT (-4.96%), BANPU (-4.65%), STA (-4.12%), SAPPE (-3.68%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด เจอแนวต้านจิตวิทยา 1,400 จุด แต่คาดมีแรงหนุนจากหุ้นพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ขณะเดียวกันผลการโหวตเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. เมื่อวันพุธ (7 ก.พ.) มีคณะกรรมการ 2 ท่านจากทั้งหมด 7 ท่านโหวตให้ลดดอกเบี้ย 0.25% หนุนโอกาสที่ กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยในครึ่งหลังปีนี้มีสูงขึ้น โดยการสื่อสารของ กนง. ในรอบนี้เปลี่ยนมุมมองจากที่เคยระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง ในการประชุมรอบก่อนหน้านี้ มาเป็นมีทิศทางขยายตัวชะลอลงในการประชุมรอบนี้
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังยืนเหนือ 4.1% หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง หนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 221,000 ราย โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนพ.ค.
2.) ราคาน้ำมัน Brent พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ โดยวานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ล่าสุดทะลุระดับ 81.63 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐได้ทำโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายในอิรักวานนี้ โดยได้สังหารผู้บัญชาการกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ขณะที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน พุ่งเป้าโจมตีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของทหารสหรัฐ 3 นายเมื่อเดือนที่แล้ว ด้านนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส พร้อมกับประกาศว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดจากการสู้รบในฉนวนกาซาภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน
3.) หุ้นของ Arm Holdings ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบชิปในเครือของซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป พุ่งขึ้นวานนี้ 48% สู่ระดับ 113.89 ดอลลาร์ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ Arm เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.2566 ซึ่งเป็นไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท Arm เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 29 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 25 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 824 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 761 ล้านดอลลาร์
4.) นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมใช้มาตรการทางการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านราคาถูก เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพิ่มเติมจากก่อนหน้านี้ได้อนุมัติการส่งเสริมการลงทุน สำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาถูก ราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท รวมทั้งได้เสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ให้ผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อแอลทีวี เพื่อกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจาก ธปท.
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ปรับกรอบเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยขึ้นเป็น 1,360-1,420 จุด (จาก 1,360-1,404 จุด) จากตลาดมีการเก็งกำไรประเด็นเรื่องการควบคุมธุรกรรม Short sell หลังมีการแต่งตั้งประธานคนใหม่ “พิชัย ชุณหวชิร” โดยมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องติดตามได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการไตรมาส 4/66 ของบจ.ไทย ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index – CCI) ของไทยสำหรับเดือน ม.ค. และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index – CPI) ของเยอรมันสำหรับเดือน ม.ค.
หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:
- PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) มองได้ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ หลังความตึงเครียดในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น สำหรับภาพระยะยาวเรามองกลยุทธ์ “Coming Home Strategy” ทำให้ PTTEP สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นโดยมีความเสี่ยงของการเจาะเจอหลุมแห้งลดลง ส่งผลให้โอกาสที่จะมี downside ของกำไรลดลง เราคาดปริมาณการขายของ PTTEP จะเพิ่มขึ้น 40-50% เป็น 700-800 KBD ในปี 2571 จากปี 2567 จากการเริ่มดำเนินการตามแผนของโครงการ SK410B และโครงการโมซัมบิก อีกทั้ง PTTEP กำลังพัฒนาธุรกิจคาร์บอนต่ำอย่างแข็งขัน ผ่านกลยุทธ์ธุรกิจ “beyond E&P” ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจการให้บริการ CCS ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพลังงานทดแทน โดยตั้งเป้าให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และเพื่อกระจายแหล่งที่มาของรายได้
- AAV (ราคาพื้นฐาน 2.74 บาท) คาด AAV จะรายงานกำไรปกติไตรมาส 4/66 ที่ 214 ลบ. พลิกจากผลขาดทุนปกติที่ 881 ลบ. ในไตรมาส 3/66 และปรับดีขึ้น 94% YoY เราคาดว่ากำไรไตรมาส 1/67 จะยังคงแข็งแกร่งตามความต้องการที่แข็งแกร่งของจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและต่างประเทศ และคาดว่าราคาน้ำมันอากาศยานจะลดลงอีกด้วย คงคำแนะนำ “ซื้อ” AAV และ TP ที่ 2.74 บาท เราคาดว่าอาจมี upside ต่อประมาณการกำไรของเราจากภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยานที่ลดลง ทั้งนี้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยานขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index – CCI) ของไทยสำหรับเดือน ม.ค. โดยตัวเลขรายงานในเดือนก่อนหน้าที่ 62 จุด และติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index – CPI) ของเยอรมันสำหรับเดือน ม.ค. โดยตลาดคาดที่ +2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.7% YoY