ลุ้นเข้าใกล้ 1,400 / 1,380-1,400
มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
- SET ขึ้นไปก่อนย่อทีหลัง แต่ย่อไม่เยอะ: แรงหนุนในเชิง Sentiment จากฝั่งสหรัฐฯ และเทศกาลตรุษจีนหากแต่ถูกลดทอนด้วย Volume ที่คาดเบาบางลง และการรอติดตามสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และความคืบหน้ามาตรการกระต้นศก.ภายในประเทศ ทั้งนี้การปิดทำ New High ของ S&P500 รวมถึง Nasdag ที่ปรับขึ้น 1.25% ปิดที่ 15,990.66 จุด ซึ่งต่ำกว่าระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนพ.ย.64 เพียง 0.4% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการสะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่อยู่ในโหมดเปิดรับสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ทางฝ่ายมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index เช่นกัน ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานมองได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับขึ้น 0.81% ปิดที่ $76,84 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง อีกทั้งคาดมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่จะเผยงบในสัปดาห์นี้ที่คาดผลประกอบการดี นอกจากนี้ คาดหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องจะได้แรงหนุนจากวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีนของจีน สอดรับกับการสำรวจของ Dida Travelของจีน ซึ่งพบว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนของชาวจีนปีนี้ ระหว่างวันที่ 10-17 ก.พ.67 มีจำนวนการจองโรงแรมในไทยเพิ่มขึ้นถึงกว่า 243%y-y ในอีกด้านหนึ่งมองทางขึ้นของ SET Index จำกัด จากการปิดทำการของตลาดสำคัญในภูมิภาคอย่างจีน (ตลอดสัปดาห์) และญี่ปุ่น (วันนี้) ส่งผลให้ Volume การซื้อขายมีแนวโน้มเบาบางลงและขาดปัจจัยชี้นำจากในภูมิภาค กอปรกับนักลงทุนยังรอติดตาม 1) การเปิดเผยเงินเฟ้อเดือนม.ค.67 ของสหรัฐฯ ในคืนวันอังคาร เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟต โดยตลาดคาด Headine และ Core CPI ขยายตัว 2.9% y-y และ 3.8%y-y จาก 3.3% y-y และ 3.9%y-y ในเดือนธ.ค.66 และ 2) การประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในวันที่ 15 ก.พ. หลังได้ข้อเสนอแนะจากป.ป.ช.นอกจากนี้ วันนี้ติดตามการประกาศรายชื่อหุ้นในดัชนี่ MSCI รอบใหม่
- กลยุทธ์การลงทุน : 1) เก็งงบ 4Q66: BH, GULF, ONEE, PTT, PTTEP, PTTGC, TOP, TU 2) Spending+ท่องเที่ยวช่วงตรุษจีน: AAV, AOT, M, MINT, TACC, SPA 3) Dividend play: BRI, ORI, SPALI, TISCO, TTW และ 4) บาทอ่อนค่า: SAPPE, SNNP
ปัจจัยบวก
- Conference Board เผยดัชนีความเชื่อมั่น CEO เพิ่มขึ้นจาก 4Q66 ที่ 46 จุด สู่งวด 1Q67 ที่ระดับ 53 จุดซึ่งเหนือระดับ 50 สะท้อนภาคธุรกิจยังมองศก.เชิงบวก แม้ว่าจะมีความเสี่ยงด้านการเมืองจากการเลือกตั้งสหรัฐฯช่วงปลายปีอยู่บ้างก็ตาม
- Destatis เผย CPI เยอรมนีเดือนม.ค.67 ลดลงสู่ +3.1%y-y ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค.66 ที่ +3.8%
- รอยเตอร์รายงานว่า จีนได้เพิ่มเที่ยวเดินทาง เพื่อบรุรเทาปัญหา Traffic แออัด โดยจัดเพิ่มรถไฟกว่า 1,873 ขบวน/วัน ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ The paper ยังคาดว่าจำนวนผู้โดยสาร รถไฟในเขตเซี่ยงไฮ้ช่วงตรุษจีนจะสูงขึ้นกว่าช่วงปี 62 สะท้อนต่อภาคการบริโภคและการส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้น
ปัจจัยลบ
- แม้ผู้ว่า BOJ จะแถลงว่าจะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษต่อไป แต่เริ่มส่งสัญญาณยุติการใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 50 ถ้อยแกลงดังกล่าวสะท้อนว่าญี่ปุ่นเตรียมใช้นโยบายการเงินที่ Hawkish ขึ้นในอนาคต
- คณะบริหารของปธน.สหรัฐฯ กำลังพิจารณาจำกัดการนำเข้า Smart Car และชื้นส่วนยานยนต์จากจีน จากเหตุผลเรื่องความปลอดภัยทางข้อมูล การแบนดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสงครามการค้าระหว่างทั้งสอง นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯยังเรียกร้องให้คณะทำงานปธน.สหรัฐฯจำกัดการลงทุนของบริษัทจากสหรัฐฯในจีน
PICKS OF THE DAY
TOP BUY
- เป้าหมาย 58.00 / 60.00 แนวรับ 55.00
- ค่าการกลั่นขึ้น : ปัจจุบันค่าการกลั่น SG GRM ปรับตัวขึ้นมาสูงกว่า 10 USD/bbl ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 67 ทำให้ปัจจุบันเมื่อเทียบกับค่าการกลั่นเฉลี่ยช่วง 4Q66 ค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นแล้ว 40%q-q ทางฝ่ายจึงคาดงบ 1Q67 กำไรจะกลับมาโตได้อีกครั้ง
- คาดงบ 4Q ดีกว่ากลุ่ม : คาดงบ 4Q66 ออกมาประมาณ 3,000 ลบ. แม้ปรับลดลงจากฐานสูงในช่วงไตรมาส 3/66 แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มโรงกลั่นด้วยกัน ส่วนมากคาดว่ากำไรจะขาดทุนในงวด 4Q66 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษากำไรที่ค่อนข้างดี และมองว่าเป็นจังหวะเข้าสะสมเพื่อรับการกลับมาโตของกำไรในงวด 1Q67
BRI BUY
- เป้าหมาย 8.80 / 9.00 แนวรับ 8.20
- โครงการจ่อโอนปีนี้เยอะ: ในช่วง 4Q66 ทำ Presaleได้ดีเติบโตทั้งy-y และ q-q เปิดโครงการเยอะและเป็นแบรนด์ระดับราคาสูงอย่าง Belgravia, Balco และ Grand britania ซึ่งจะสามารถเริ่มโอนได้ในปีนี้รวมถึงโครงการที่จะเปิดใหม่ จะเข้ามาช่วยสร้างการเติบโตเพิ่มขึ้นให้กับบริษัท
- Div. yield ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ย: คาดกำไรทั้งปี 66 อยู่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อนคาดปันผลที่จะจ่ายอีกในช่วงครึ่งปี 66 คาดจะอยู่ในช่วง 0.575—.585 บาท คิดเป็น Div. yield ที่จะได้อีก 6.85-6.96% เทียบราคาปัจจุบัน ซึ่งหากรวมทั้งปีจะให้ Yield ราว 8.15% บวกลบเล็กน้อย ยังสูงกว่าตัวเองปีที่ผ่านมาที่ 6.44% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมย้อนหลัง 5 ปีที่ 6.7%