บล.ทรีนีตี้:

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล – MINT

Upside/Downside +36% / Median Consensus 39 บาท

กำไรปกติยังเติบโตต่อเนื่อง RevPar ยังสูงกว่าช่วง Pre-COVID

  • รายงานกำไรปกติ 4Q66 ที่ 2.57 พันล้านบาท ใกล้เคียงที่เราคาด จากรายได้รวมที่ 3.94 หมื่นล้านบาท Flat QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 13% YoY
  • รายงานกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 5.4 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 20% YoY
  • RevPar โรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของเติบโต 19% YoY จากฟื้นตัวของโรงแรมในประเทศไทยและยุโรปเป็นหลัก
  • คาด 1Q67 อ่อนตั๋วลง QoQ ตามฤดูกาล ยังคงเติบโตได้ YoY จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวทั่วโลก
  • คาดกำไรปี 2567 ที่ 8.3 พันล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากกลุ่มโรงแรมที่สามารถปรับเพิ่ม RevPar ได้
  • แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท

4Q66 Earnings Review

  • MINT รายงานกำไรสุทธิ 4Q66 ที่ 984 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 54% QoQ และ 48% YoY แต่รายงานกำไรจากการดำเนินงานปกติที 2.57 พันล้านบาท (มีการบันทึกขาดทุนจาก derivatives) ใกล้เคียงที่เราคาดการณ์ที่ 2.64 พันล้านบาท โดยกำไรจากการดำเนินงานปกติยังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง แม้จะผ่านช่วง Peak Season ของการท่องเที่ยวในยุโรปไปแล้ว แต่เป็นช่วง High Season ของโรงแรมในประเทศไทย
  • รายงานรายได้จากกลุ่มโรงแรมที่ 3.15 หมื่นล้านบาท Flat QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 16% YoY โดย RevPar ของโรงแรมที่ MINT เป็นเจ้าของมีการเติบโตที่ 19% YoY โดยโรงแรมในยุโรปและประเทศไทยยังมี RevPar ที่เติบโตโดดเด่นต่อเนื่องที่ 15% YoY และ ADR ของโรงแรมในประเทศสูงกว่าช่วง Pre-COVID ราว 23% อย่างไรก็ดี Maldives มี RevPar ปรับตัวลง 24% YoY จากการแข่งขันที่สูงขึ้น จากการเปิดประเทศอื่นๆ และจากฐานที่สูงในชู่วง 4Q65
  • รายงานรายได้จากกลุ่มร้านอาหารที่ 7.3 พันล้านบาท Flat QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 5% YoY จาก TSS ของทั้งระบบปรับตัวสูงขึ้น 3% YoY แต่ SSS ของทั้งระบบปรับตัวลดลง 2.2% YoY โดยประเทศไทยมี TSS ปรับตัวสูงขึ้น 5.9% YoY แต่ SSS ปรับตัวลดลง 2.5% YoY ในขณะที่ประเทศจีนมี TSS ปรับตัวลดลง 1.7% YoY แต่ SSS ปรับตัวสูงขึ้น 3.3% YoY
  • รายงานกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 5.4 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 20% YoY โดยเป็นกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติที่ 6.8 พันล้านบาท ฟื้นตัวต่อเนื่องจากกลุ่มโรงแรมในยุโรปและประเทศไทย ที่มี RevPar สูงกว่าช่วง Pre-COVID

คาดกำไรปี 2567 เติบโต 17.5% YoY

คาดกำไรปี 2567 ที่ 8.3 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 53% YoY โดยคาดกลุ่มโรงแรมยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง จากทั้งโรงแรมโรงแรมในยุโรปที่ยังมี Demand จากกลุ่ม Corporate และประเทศไทย ที่เริ่มเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังมีมาตรการ Free Visa ในขณะที่กลุ่มร้านอาหารคาดว่าจะมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากอานิสงส์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ประกอบกับคาดการณ์ฟื้นตัวที่ดีขึ้นของการบริโภคในประเทศจีน อย่างไรก็ดี เราคาดว่าใน 1Q67 จะมีผลประกอบการอ่อนตัวลง QoQ จากการเข้าสู่ช่วง Low Season ของ NH Hotel แต่คาดยังสามารถมีผลประกอบการเติบโต YoY ต่อเนื่อง

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 42.00 บาท

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 42.00 โดยที่รายได้และกำไรมีการฟื้นตัวต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ หลังจากกิจกรรมต่างๆ เริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ และความกังวลต่อ Utility Cost ในยุโรปได้ชะลอตัวลงแล้ว ขณะที่ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังไม่มีผลกระทบต่อ ADR

ความเสี่ยง:

  • จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • ความผันผวนของค่าเงิน
  • ภาคการบริโภคไม่ฟื้นตัว
  • ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
  • การลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในแผน
  • ความไม่สงบทางการเมืองทั่วโลก
  • อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น
- Advertisement -