Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ก่อนปิดบวกอีกเล็กน้อย 2.43 จุด ณ สิ้นวัน ที่ระดับ 1,391.73 จุด ขณะที่มูลค่าการซื้อขายยังค่อนข้างเบาบางเพียง 3.3 หมื่นลบ. หุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT BDMS DELTA PTTEP ปรับตัวขึ้นได้ แต่ AOT SCB KBANK ADVANC ถ่วง สถานะของนักลงทุนรายกลุ่มยังค่อนข้างเบาบาง โดยสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 229 ลบ. ขณะที่นักลงทุน ต่างชาติขายสุทธิ 201 ลบ. (และ Short Index Futures บางๆ 1.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะแกว่งตัว Sideways Down ในกรอบ 1,380-1,395 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบหลังตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯเดือน ม.ค. ที่ออกมาสูงกว่าคาด โดย Headline +0.3% m-m, +3.1% y-y ส่วน Core +0.4% m-m, +3.9% y-y ซึ่งเกิดจากภาคบริการเป็นหลัก โดยเฉพาะค่าเช่า ส่งผลให้ Bond Yield 10 พุ่งขึ้นแตะ 4.33% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 23 ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าแรง กดดันสกุลเงินเอเชีย นอกจากนี้ตลาดยังทำให้ตลาดเริ่มไม่มั่นใจต่อช่วงเวลาในการลดดอกเบี้ยของ FED แต่ค่อนข้างแน่ว่าจะไม่เกิดขึ้นในการประชุมเดือน มี.ค ด้านปัจจัยในประเทศจะมีการประชุมบอร์ดเงินดิจิทัลวันพรุ่งนี้ ขณะที่สภาพัฒน์ฯจะประกาศตัวเลข GDF 4Q23 วันจันทร์หน้า ส่วนการประกาศผลประกอบการ 4Q23 บจ.เริ่มหนาแน่นขึ้น แต่ภาพรวมยังดูไม่สดใสนัก ซึ่งต้องติดตามการปรับประมาณการกำไรบจ.ปี 2024 ว่าจะขยับลงมากน้อยเพียงใด ระยะสั้งเน้นเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดประกาศกำไรแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรายังเชื่อว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้ Bottom ในปี 2023 แล้วก่อนทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงงบประมาณปี 2024 ที่คาดว่าจะผ่านใน 2Q24 เรายังมองดัชนิที่ระดับ 1,350-1,360 จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid

หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : BA

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
  • จังหวะการซื้อหุ้น BA ที่ดีที่สุด คือ ช่วงนี้จนถึงงบ 4Q23 ออก เพราะตลาดอาจกังวลงบ 4Q23 ที่คาดว่าจะขาดทุนจาก Low Season และมีการบันทึกโบนัสพนักงานก้อน แต่จะพลิกกลับมามีกำไรแข็งแกร่งใน 1Q24
  • เราประเมินมูลค่าพื้นฐานของ BA ต่ำกว่าที่ควรเป็นจาก 1) สนามบินสมุยเป็นสนามบินไทยแรกที่ฟื้นสูงกว่า pre-Covid 2) valuation Market cap BA+SPF ในอดีตช่วง peak ปี 2016 อยู่ที่ 7.4 หมื่นลบ. ปัจจุบัน Market cap BA+BAREIT อยู่ที่ราว 4.3 หมื่นลบ. มีส่วนต่าง market cap ราว 15 บาท/หุ้น 4) มีมุลค่าของหุ้น BDMS ซ่อนอยู่ 2 หมื่นลบ. 5) คาด BA ปีนี้กำไรโต 26% จาก ticket fares ที่น่าจะเพิ่มขึ้นเพราะราคาตั๋วสมุยพึ่งเริ่มขึ้นช่วงท้ายปี 2023 6) บริษัทเป็น net cash
  • แนวรับ 15.70-15.80//15.20-15 บาท แนวต้าน 17//17.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$973 โดยกระจุกตัวที่เกาหลีใต้ US$899 ล้าน หลังตลาดกลับมาเปิดทำการเป็นวันแรกหลังจากช่วงตรุษจีน ขณะที่ไต้หวันยังปิดทำการ ด้านอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าอินโดนีเซีย US$78 ล้าน แต่ไหลออกจากไทยบางๆ US$6 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดพลิกมาไหลออกหลังเงินเฟ้อ CPI เดือน ม.ค. สหรัฐฯออกมาสูงกว่าคาด ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index พุ่งขึ้น กดดันค่าเงินฝั่งเอเชียอ่อนค่าประเด็นสำคัญวันนี้

(-) KCE กำไร 4Q23 น่าผิดหวัง ต่ำกว่าเราคาด 22% กำไรสุทธิ 4Q23 ลบ. อยู่ที่ 478 ลบ. -8% q-q, -4% y-y หากไม่รวม FX gain จะมีกำไรปกติ 464 ลบ. -1% q-q, -9% y-y รายได้รวม 4Q23 ปรับตัวลง q-q ผิดไปจากที่คาดว่าจะฟื้นตัวต่อได้ เราคิดว่าการ Re-stock ของลูกค้าจบลงแล้ว รายได้ลดลงแทบทุกประเทศทั้งยุโรป เอเชียและจีน แม้อัตรากำไรขั้นต้น 4Q23 จะฟื้นเล็กน้อย แต่ต่ำกว่า Guidance ของผู้บริหารที่เคยให้การฟื้นตัวที่ช้าถือเป็น Downside ต่อกำไรปี 2024 ของเรา และผู้บริหารระบุใน MD&A ว่า Demand ของ PCB ยังไม่สดใส่ต่อเนื่องไปใน 1H24 จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เราอยู่ระหว่างปรับลดประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายลงหลังประชุมนักวิเคราะห์

(+) CK คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 150 ลบ. -77% q-q, +33% y-y โดยการลดลง q-q เนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับจาก TTW รวมถึงการปรับลงของกำไร BEM และ CKP ส่วนการที่เติบโต y-y หนุนจากรายได้ก่อสร้างคาดเติบโตดีจากความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง, รถไฟทางคู่เด่นชัยและรถไฟฟ้าม่วงใต้ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมที่คาดว่าจะ +69% y-y แต่ -32% q-q ตามปัจจัยฤดูกาลของ BEM และ CKP คาดกำไรสุทธิปี 2023 จบที่ 1.5 พันลบ. +35% y-y Backlog ณ สิ้นปี 2023 คาดที่ 1.3 แสนลบ. เทียบเท่ารายได้ 3 ปี คงคาดกำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.9 พันลบ. +25% y-y คงราคาเหมาะสม 26 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) SJWD คาดกำไรปกติ 4Q23 +5% q-q แตะระดับสูงสุดของปี 2023 ทั้งที่อยู่ใน Low Season จากธุรกิจ Automotive ที่โดดเด่นต่อเนื่อง โดยคาดรายได้จะทรงตัว q-q แต่เติบโต 304% y-y จากการรวมกิจการ SCGL ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2023 ธุรกิจรับฝาก-บริหารรถยนต์จะยังคงเป็นพระเอกในไตรมาสนี้ โดยคาดว่าจะมีรถไฟฟ้าค่าย BYD และแบรนด์อื่นๆ เข้ามาใช้บริการกว่า 1 หมื่นคัน เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2023 ลง 4% ให้สอดคล้องกับงบ 4Q23 คาดจบปี 2023 กำไรปกติจะ +44% y-y และคาดปี 2024 โตต่ออีก +53% y-y จากรายจ่ายพิเศษในปี 2023 ที่หายไป การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ การรุกสู่ตลาดภูมิภาค และ Synergy จากการรวมกิจการ คงราคาเป้าหมาย 21.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) EURO เข้าเทรดวันนี้ เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ชั้นนำระดับ Luxury a Technogym, Molteni&C, Natuzzi Italia, Giorgetti, Calligaris, Cassina, Christopher Guy, Galotti&Radice, Malerba และ Frette มีโชว์รูม 5 แห่งที่ ทองหล่อ, เอกมัย,โครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์, สยามพารากอน และ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ บริษัทเติบโตตามอสังหาฯ High end ซึ่งเติบโตต่อเนื่อง เราคาดกำไรปี 2023 +50% y-y เป็น 160 ลบ. และ 2024-25 +19% Y-Y, +22% y-y ตามลำดับ จากการเปิดโชว์รูมใหม่ 2 แห่งใน 2024 ประเมินราคาเป้าหมาย 13.80บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)

(0) MSCI Rebalance รอบเดือน ก.พ. ดัชนี Global Standard หุ้นเข้าไม่มี หุ้นออก BANPU BJC OSP ดัชนี Small Cap หุ้นเข้า BANPU OSP GLOBAL SKY TISCO หุ้นออก BEC SUPER มีผลราคา ปิดวันที่ 29 ก.พ. 24

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 524.63 จุด หรือ -1.35% ปิดที่ 38,272.75 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าเฟด อาจจะไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ตามที่คาดการณ์ไว้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ หลังการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดของสหรัฐ ทำให้เทรดเดอร์ลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ สอดคล้องกับดัชนี CPI สหรัฐฯ ที่รายงานออกมาสูงกว่าตลาดคาด

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 36.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.45%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 95 เซนต์ หรือ 1.24% ปิดที่ 77.87 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าดัชนี CPI ของสหรัฐที่สูงเกินคาด อาจทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงอยู่ที่ระดับ 77.59 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.36%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 25.80 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 2,007.20 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 2,004.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 840.48/ -0.17%

- Advertisement -