บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
Bangkok Bank (BBL.BK/BBL TB)*
ยังมีรายได้ส่วนเกินที่เก็บสะสมเพื่อใช้บริหารกำไรปีนี้
Event
ประชุมนักวิเคราะห์ และอัพเดตแนวโน้ม
Impact
สินเชื่อยังอยู่ในโหมดชะลอตัว
BBL ตั้งเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2567 ไว้ที่ 3-5% (จาก -0.3% ในปี 2566) อย่างไรก็ตาม การเติบโตของสินเชื่ออาจจะไปกระจุกอยู่ในช่วง 2H67 เพราะความล่าช้าของงบประมาณรัฐบาลจะทำให้การอัดฉีดสภาพคลองเขาสูระบบตองสะดุดลง ในขณะเดียวกัน การที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง ทำใหธนาคารระมัดระวังมากขึ้นกับการปล่อยสินเชื่อระหว่างประเทศ (25% ของสินเชื่อรวม) ทั้งนี้ หลังจากที่สินเชื่อทรงตัวในปี 2566 การเติบโตสินเชื่อในช่วงครึ่งแรกยังคงเป็นชะลอตัวคล้าย 2H66
สมมติฐาน NIM ที่ลดลงจะหักล้างไปกับ credit cost ที่ลดลง
แรงกดดันทางสังคมในประเด็น NIM สูงเกินไปทำให้ธนาคารพยายามบริหารจัดการ NIM โดยธนาคาร คาดว่าจะการทยอยปรับดอกเบี้ยเงินฝากระยาวที่ครบกำหนดด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น, นอกจากนี้การออกมาตรการให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษกับลูกค้าขนาดกลาง-เล็ก และ คาดว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะทำให้ NIM ลดลงประมาณ 20bps เหลือ 2.8% ในปี 2567 (จาก 3% ในปี 2566) อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารตั้งเป้าจะลด credit cost ลง 20-30bps น่าจะเป็นความตั้งใจที่จะชดเชยผลกระทบต่อรายได้จากการที่ NIM ลดลง
มีการลงทุนในสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกรรมการธนาคารหลัก
BBL ได้บันทึกค่าใช้จ่ายพิเศษประมาณ 4-5 พันล้านบาทใน 4Q66 ที่ใช้เพื่อปรับปรุงโครงสรางพื้นฐานสำหรับธุรกรรมการธนาคารหลัก และจะยังต้องใช้งบลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี แต่ขนาดของการลงทุนจะไม่มากเท่ากับเมื่อปี 2566 เพื่อรักษาสัดส่วนต้นทุน/รายได้ ไว้ไม่ให้เกิน 50%
คงคำแนะนำซื้อ โดยยังคงราคาเป้าหมายปี 2567F ที่ 200 บาท (PBV 0.65x)
BBL ยังคงเป็นหุ้นที่ปลอดภัย และมั่นคงสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะสำรองหนี้เสียส่วนเกินจำนวนมากจะทำให้ธนาคารรองรับแรงกดดันจากปัจจัยลบได้ โดยไม่เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตของกำไร ซึ่งเมื่อใช้สมมุติฐานว่ากระแส NPL เกิดใหม่จะทรงตัว และธนาคารกำหนดคชจ.สำรองฯ (credit cost) ที่ 1% (ธนาคารตั้งเป้าไว้ที่ 0.9-1%) จะทำให้ธนาคารรักษาสัดส่วน NPL coverage ไวได้ที่ >300% ในปี 2567 ในขณะเดียวกัน ธนาคารไม่ได้สัญญาว่าจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลจากที่จ่ายเงินปันผล 26%/29% ของกำไรสุทธิในปี 2564/2565 เราใช้สมมติฐานอัตราการจ่ายเงินปันผลในกรณีฐานที่ 26% ซึ่งจะคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4%
Risks
ผลขาดทุนจากบันทึกราคาตลาดหุ้นกู้ และรายได้ค่าธรรมเนียมลดลง