บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

THAI OIL ค่าการกลั่นชดเชย Covid-19 ได้

Action

BUY (Maintain)

TP upside (downside) +15%

Close Oct 12, 2021 Price (THB) 56.50

12M Target (THB) 65.00

Previous Target (THB) 61.00

What’s new?

  • แม้ 3Q64 จะเป็นช่วงการแพร่ระบาด บาทอ่อนค่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าการปรับตัวขึ้นของ Market GIM สู่ระดับสูงสุดรอบ 10 ไตรมาส และกำไรสต็อกน้ำมันจะช่วยให้กำไรสุทธิ +17% QoQ, +247% YoY เป็น 2.5 พันล้านบาท ดีกว่ามุมมองของเราก่อนหน้าว่าจะลดลง QoQ
  • ปรับกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 43% เป็น 9.8 พันล้านบาท สะท้อน Market GIM และกำไรสต็อกน้ำมันช่วง 9M64 ท่ีมีโอกาสสูงกว่าคาด

Our View

  • แนวโน้มกำไรปกติ 4Q64 จะอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนด้วย 1) การฟื้นตัวของกิจกรรมเดินทางหลัง Covid-19 คลายตัว 2) การปรับตัวขึ้นของค่าการกลั่นสิงคโปร์สู่ระดับสูงสุดรอบ 2 ปี และ 3) Crude premium ลดลง
  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมใหม่ 65.00 บาท จาก 1) รับประโยชน์การ Reopening ทำให้ค่าการกลั่น- การ เดินทางฟื้นตัว 2) การเติบโตจากโครงการ CFP และ CAP 3) เป็นเป้าหมายหุ้นโรงกลั่นอันดับต้นๆ ของนัก ลงทุนต่างชาติ 4) Valuation ยังไม่แพงเทียบกับคู่แข่ง

คาดกำไร 3Q64 เติบโตดีท่ามกลางสถานการณ์ Covid-19

สําหรับ 3Q64 แม้การแพร่ระบาดของ Covid-19 ในประเทศจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ทําให้ประเมินว่าอัตราการกลั่นจะลดลงเหลือ 94% (-4% QoQ, +1% YoY) และการอ่อนค่าของเงินบาทจะทำให้มีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1.2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าบริษัทฯจะสามารถทำกำไรสุทธิได้ 2.5 พันล้านบาท เติบโต +17%QoQ, +247%YoY ดีกว่ามุมมองของเราก่อนหน้าว่าจะลดลง QoQ สาเหตุหลักจาก 1) ประเมินอัตรากําไรธุรกิจหลัก (Market GIM) จะสูงขึ้นเป็น US$5.5/bbl ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ไตรมาส (ตั้งแต่ 4Q61) โดยสูงขึ้น +7%QoQ จากค่าการกลั่น ขณะที่เทียบกับ 3Q63 คาด Market GIM ดีขึ้น +455%YoY จากทั้งธุรกิจโรงกลั่น, ปิโตรเคมี, น้ำมันหล่อลื่น 2) ราค่น้ำมันดิบดูไบ 3Q64 เฉลี่ยท่ี US$71.7/bbl (+7%QoQ, +67%YoY) จะทําให้มีกําไรสต็อกน้ำมัน (หลังหักขาดทุนป้องกันความเสี่ยง) 1.6 พันล้านบาท

ค่าการกลั่นฟื้นตัวชัดเจนหนุน 4Q64

แนวโน้ม 4Q64 แม้อัตรากําไรธุรกิจปิโตรเคมีและน้ำมันหล่อลื่นจะลดลง QoQ กดดันด้วยอุปทานในตลาดท่ีสูงขึ้นจากการเพิ่มอัตราการผลิตของโรงกลั่น รวมทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานจะสูงขึ้นตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าผลการดําเนินงานหลักจะสามารถรักษาระดับในเกณฑ์ดีไว้ได้ เพราะมองว่ากิจกรรมเดินทางในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนจะทําให้อัตราการกลั่นสูงขึ้นแตะระดับ 100% ได้ รวมทั้งธุรกิจหลัก (โรงกลั่น) จะมีอัตรากําไรสูงขึ้น สอดคล้องค่าการกลั่นสิงคโปร์ ณ ปัจจุบันที่เร่งตัวขึ้นแตะระดับ US$6-7/bbl สูงสุดรอบ 2 ปี สวนทางต้นทุนน้ำมัน Crude premium ที่ลดลง QoQ

ปรับกำไรปีนี้ขึ้น 43% สะท้อนอัตรากำไรและกำไรสต็อกน้ำมัน

จากเหตุผลข้างต้น Market GIM และกําไรสต็อกน้ำมันช่วง 9M64 มีแนวโน้มทําได้ดีกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า เราปรับกําไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 43% เป็น 9.8 พันล้านบาท จากสมมติฐานหลัก 1) Market GIM จาก US$4.4/bbl เป็น US$ 5.2/bbl 2) กําไรสต็อกน้ำมันจาก US$ 1.5/bbl เป็น US$ 3.8/bbl ทั้งนี้ยังคงประมาณการกําไรปกติปี 2565 ที่ 9.3 พันล้านบาท (+47%YoY)

ตัวเลือกที่น่าสนใจลงทุน 6-12 เดือนรับการ Reopening

ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 65.00 บาท อ้างอิง PBV ที่ 1.0 เท่า (เท่าเดิม) คงคําแนะนํา “ซื้อ” มองว่าหุ้นเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสําหรับการลงทุน 6-12 เดือนข้างหน้า เพราะ 1) ค่าการกลั่นและอัตราการผลิตได้ประโยชน์ กิจกรรมการเดินทางในชีวิตประจำวัน และการท่องเที่ยวที่ทยอยเป็นปกติ ) ระยะยาวมีการเติบโตจากโครงการ CFP ขยายกําลังผลิตโรงกลั่นจาก 275 KBD เป็น 400 KBD (COD ปี 2566) และการต่อยอดสู่ธุรกิจปิโตรเคมีผ่านการลงทุนใน Chandra Asri (CAP) เริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกําไรตั้งแต่เดือนก.ย.2564 นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังมีแผนขยายกำลังผลิตซึ่งจะ FID ในปี 2565 และ COD ในปี 2569 3) TOP เป็นหุ้นโรงกลั่น ตัวเลือกอันดับต้นๆของนักลงทุนต่างชาติ 4) ปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.9 เท่า นับว่ามีส่วนลดจากค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปี -1.5SD ต่ำกว่าคู่แข่งกลุ่มโรงกลั่นท่ีซื้อขายระดับ 1.0-1.6 เท่า เทียบเท่า-0.5SD ถึง +1.0SD (บริษัทฯจะรายงานผลประกอบการ 3Q64 วันที่ 10 พ.ย.)

- Advertisement -