บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

PTT Pcl. (PTT.BK/PTT TB)*

ผลประกอบการ 4Q66: ดีกว่าความคาดหมาย

Event

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว PTT รายงานว่ากำไรสุทธิใน 4Q66 อยู่ที่ 3.28 หมื่นล้านบาท (+76% YoY, +5% QoQ) ดีกว่า Bloomberg consensus 40% และดีกว่าประมาณการของเรา 9% โดยส่วนต่างคิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 2.7 พันล้านบาท เนื่องจากกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงสูงกว่าคาดที่ 4.6 พันล้านบาท (เราใช้สมมติฐานที่ 1.1 พันล้านบาท) นอกจากนี้ บริษัทยังประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H66 ที่ 1.20 บาท/หุ้น กำหนดขึ้น XD วันที่ 29 กุมภาพันธ์ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเต็มปีที่ 5.6% จากราคาหุ้นในปัจจุบัน (รวมเงินปันผลงวด 1H66 ที่ 0.80 บาท/หุ้น) ทั้งนี้กำไรสุทธิของ PTT ในปี 2566 อยู่ที่ 1.12 แสนล้านบาท (+23% YoY)

Impact

กำไรใน 4Q66 เพิ่มขึ้น 76% YoY และ 5% QoQ

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก YoY เป็นเพราะส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากบริษัทย่อยในตลาดทั้งหกแห่งซึ่ง ได้แก่ PTT Exploration and Production (PTTEP.BK/PTTEP TB)*, PTT Global Chemical (PTTGC.BK/PTTGC TB)*, Thai Oil (TOP.BK/TOP TB)*, IRPC Pcl. (IRPC.BK/IRPC TB)*, PTT Oil and Retail Business (OR.BK/OR TB)* และ Global Power Synergy (GPSC.BK/GPSC TB)* ซึ่งเป็นผลมาจาก i) PTTEP มีผลขาดทุนพิเศษลดลง, ii) ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันลดลง, iii) ค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น และ iv) ต้นทุนราคาก๊าซและถ่านหินลดลง ในขณะเดียวกันกำไรที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ เป็นเพราะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่ 2.19 หมื่นล้านบาทใน 4Q66 ดีขึ้นจากที่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.8 พันล้านบาทใน 3Q66 แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานของ TOP, IRPC, GPSC, OR และ ของ PTT เองลดลง QoQ ใน 4Q66

ปัจจัยสำคัญที่น่าสนใจ

i) กำไรจากการดำเนินงานของ PTT เองลดลง QoQ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของธุรกิจท่อส่งก๊าซ (Transmission Pipeline หรือ T&M), โรงแยกก๊าซ (GSP) และ NGV โดยกำไรจากธุรกิจ T&M ลดลง QoQ เพราะปริมาณยอดขายก๊าซธรรมชาติ (NG) ลดลง 8% QoQ เหลือ 4,253mmscfd เนื่องจากอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าในประเทศไทยต่ำในช่วงฤดูหนาว ส่วนกำไรจากธุรกิจ GSP ลดลง QoQ เพราะปริมาณยอดขายของ GSP ลดลง 11% QoQ เหลือ 1,594k ตัน เนื่องจาก PTTGC ปิดซ่อมบำรุงโรงงาน OLE1 ตามแผนนาน 37 วันใน 4Q66 นอกจากนี้ ธุรกิจ NGV ยังขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 790 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 672 ล้านบาทใน 3Q66 หลังจากที่ราคา NG เฉลี่ยของ PTT (ต้นทุน feedstock) ขยับเพิ่มขึ้น 1% QoQ เป็น US$8.8/mmbtu ตามราคาก๊าซจากอ่าวไทยและราคา LNG นำเข้าที่สูงขึ้น

ii) กำไรของ PTTEP เพิ่มขึ้น QoQ เพราะปริมาณยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 475KBOED (+2% QoQ) และต้นทุนต่อหน่วยลดลงเหลือ US$28.9/mmbtu (-1% QoQ)

iii) กำไรรวมของบริษัทลูกในกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมี – PTTGC, TOP และ IRPC – ลดลงอย่างมาก QoQ เพราะมีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้นและค่าการกลั่นลดลง

iv) กำไรของ OR ลดลง QoQ เพราะค่าการตลาดน้ำมันลดลงถึง 41% QoQ เหลือ 0.75 บาท/ลิตร

v) กำไรของ GPSC ลดลง QoQ เพราะปริมาณยอดขายไฟฟ้าลดลง

Valuation

เรายังคงคำแนะนำถือ PTT โดยประเมินราคาเป้าหมาย SoTP ปี 2567F ที่ 36.00 บาท ถึงแม้ว่าผลประกอบการที่ดีขึ้นใน 4Q66 จะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น แต่เรายังเป็นห่วงเกี่ยวกับการที่รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงต้นทุน GSP ของ PTT ในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน และค่าปรับ 4.3 พันล้านบาทจากกรณี shortfall ที่แหล่งเอราวัณ นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานเพิ่งมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ว่าจ้างที่ปรึกษาให้ทำการศึกษาแบบจำลองโครงสร้างราคาที่ยุติธรรมของก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในอีกเก้าเดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นประเด็นความไม่แน่นอนทางด้านต้นทุนในธุรกิจ GSP ของ PTT

Risks

ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี

- Advertisement -