บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
Delta Electronics (Thailand) (DELTA.BK/DELTA TB)*
มีบางประเด็นที่น่าเป็นห่วงใน 1H67
Event
ประชุมนักวิเคราะห์, ปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมาย
Impact
ยอดขายยังไม่น่าสนใจใน 1H67 แต่คาดว่าจะฟื้นได้ใน 2H67
บริษัทคาดว่าจะยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวในระยะสั้น โดยเฉพาะจากกลุ่มยานยนต์ (ประมาณ 25-30% ของรายได้รวม) และ data center (ประมาณ 25-30% ของรายได้รวม) เพราะลูกค้ายังคงใช้จ่ายอย่างระมัดระวังเพราะเป็นกังวลกับภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่ายอดขายจะฟื้นตัวขึ้นใน 2H67 และตั้งเป้าอัตราการเติบโตของขายปี 2567 ไว้ในช่วง 10-20% โดยมองว่ากลุ่มยานยนต์จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต และบริษัทได้เตรียมขยายกำลังการผลิตในส่วนนี้เอาไว้ล่วงหน้าเพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่รออยู่ข้างหน้าแล้ว
คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 เช่นเดียวกับค่าใช้จ่าย
การประหยัดต่อขนาดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มยานยนต์ และสถานการณ์การตั้งสำรองที่คาดว่าจะดีขึ้น ทำให้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะดีขึ้นในปี 2567 จะตั้งเป้าไว้ในช่วง 23-24% อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่าย (คิดเป็นสัดส่วนต่อยอดขาย) อาจจะเพิ่มขึ้น (สัดส่วน SG&A ต่อยอดขายในปี 2566 อยู่ที่ 10.6% และใน 4Q66 อยู่ที่ 11.5%) เพราะค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับบริการทางเทคนิคเพิ่มขึ้น (จากการพัฒนาสินค้าที่ซ้ำซ้อนกันระหว่าง DELTA Thailand และ DELTA Taiwan)
ปรับลดประมาณการกำไรลง 4% และ de-rate PER เพื่อสะท้อนถึงประเด็นที่เราเป็นกังวล
เราทบทวนสมติฐานยอดขาย, อัตรากำไรขั้นต้น และสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายปีนี้ใหม่ ทำให้ประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2567 ของเราลดลง 4% เราคาดว่ากำไรของ DELTA ในปี 2567-2568 จะโต 11% และ 13% ตามลำดับ ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30bps ในปี 2567-2568 ทั้งนี้ จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ไม่น่าตื่นเต้นใน 1H67 เราจึง de-rate PER จาก 55.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.5 S.D.) เหลือ 50.0X (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.25 S.D.) เพื่อสะท้อนถึงประเด็นที่เราเป็นกังวล เราคิดว่าหุ้น DELTA สมควรจะมี premium บ้างจากการเกาะกระแสกโลกอย่างเช่น AI
Valuation & action
เราปรับลดราคาเป้าหมายปี 2567 ลงเหลือ 75.00 บาท จาก 88.00 บาท อิงจาก PER ที่ 50.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีต +0.25 S.D.) และคงคำแนะนำถือ เรามองว่าจังหวะที่เหมาะจะกลับมาทบทวนคำแนะนำหุ้น DELTA คือจาก 2Q67 เป็นต้นไป
Risks
ภัยธรรมชาติ, มีการปิดโรงงานนอกแผน, ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น, ขาดแคลนวัตถุดิบ, เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2567-2568 ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ฯ)