บล.ฟิลลิป:
TU: 4Q66 เห็นกำไรปกติเติบโตได้ดี
ซื้อ TP’67: 19.70
4Q66 รายได้ฟื้นตัว แต่มี GPM ที่ลดลง ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานอ่อนตัว y-y และ q-q แต่การยกเลิก red lobster ทำให้มีส่วนแบ่งกำไรที่ดีขึ้น เราเห็นกำไรปกติเติบโต y-y และ q-q ได้ดี แม้ทั้งปี 66 จะมีขาดทุนสุทธิค่อนข้างมาก แต่มองว่าราคาหุ้นได้ตอบรับกับเหตุการณ์มาก่อนหน้านี้แล้ว
งบรวม | 4Q66 | 3Q66 | 4Q65 | % y-y | % q-q | 2566 | 2565 | % y-y |
กำไร | -17,189 | 1,206 | 1,239 | N.A. | N.A. | -13,933 | 7,138 | N.A. |
EPS | -3.82 | 0.26 | 0.25 | N.A. | N.A. | -3.15 | 1.47 | N.A. |
หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท
- 4Q66 กำไรปกติเติบโตได้ดี: 4Q66 รายได้รวมอ่อนตัว y-y จากเกือบทุกธุรกิจหลัก Pet care, Frozen, Ambient จากปริมาณขายลดลง, แต่ฟื้นตัวขึ้น q-q , จากลูกค้ากลับมา re-stocking ในธุรกิจ pet care โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป และ Frozen มียอดขายดีขึ้น จากแซลมอนที่เป็นช่วง seasonal มี GPM 17.8% +y-y จากการลดสัดส่วนธุรกิจ Frozen ในสหรัฐฯ และธุรกิจ pet care มีราคาขายสูงขึ้น บริหารต้นทุนดีขึ้น, แต่ลดลง q-q จากราคาทู่น่าที่มีแนวโน้มลดลง ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานอ่อนตัว y-y และ q-q แต่ผลของการยกเลิก red lobster ทำให้มีส่วนแบ่งกำไร (จากเดิมที่เป็นส่วนแบ่งขาดทุน) เป็นตัวผลักดันให้มีกำไรปกติ 2,506 ลบ. +38.2%y-y +59.9%q-q เห็นทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ด้วย 4Q66 มีบันทึกด้อยค่าจากการยกเลิกส่วนงาน Red lobster ทำให้มีขาดทุนสุทธิ และทำให้ปี 66 เป็นขาดทุนสุทธิ 13,933 ลบ. ซึ่งขาดทุนขนาดนี้ทำให้กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรของ TU หายไปกว่าครึ่ง แต่เรามองว่าราคาหุ้นได้มีการรับรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว
- Up side น่าสนใจ: ประกาศจ่ายปันผลจากผลการดำเนินงานใน 2H66 อีก 0.24 บาท XD 3 มี.ค. 67 ทางฝ่ายมีการปรับ PE ลงให้เป็นปัจจุบันมากขึ้นอยู่ที่ 12.1 เท่า ปรับราคาพื้นฐานลงมาที่ 19.70 บาท ปัจจุบันราคาหุ้นยังมี Up side ที่น่าสนใจอยู่คงคำแนะนำ “ซื้อ”
TU : อาจเห็น 1Q67 อ่อนตัว (ที่มา: TU 20 ก.พ. 67)
- 1Q67 1.) ปัจจุบันเห็นราคาทูน่าปรับลดลงอยู่ระดับ 1,300 USD/ton มีผลต่อการขาย OEM ซึ่งต้องอิงไปตามราคาตลาด ซึ่งกระทบต่อต้นทุนของ TU ที่ซื้อสต๊อคมาก่อนหน้าที่สูงกว่าราคาปัจจุบัน 2.)ลูกค้าซื้อเข้าไปมากใน 4Q66 แล้ว คาดแม้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น y-y แต่ด้วยภาษีที่ไม่ได้รับ Tax credit แล้วจะเป็นปัจจัยกดดันกำไรปกติอ่อนตัว y-y และ q-q และคาดว่าจะกลับมาดีขึ้นใน 2Q67 และ 3Q67 อาจเห็นราคาหุ้นอ่อนตัวตามในระยะสั้น
- ซึ่งราคาทูน่าระดับนี้ถือว่าเป็นโอกาสของ TU ในการเร่งผลิตเพื่อหวังราคาขายที่ดีขึ้นจากราคาทูน่าหากปรับตัวขึ้น
- ผู้บริหารคาดรายได้ปี 67 เติบโต 3-4%y-y จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ รายได้อาจไม่เติบโตมากจากคาดว่าราคาทูน่าที่ปรับตัวลงมากกว่าปีก่อน, คาดค่าเงินบาทเฉลี่ยแข็งค่าขึ้นกว่าปีก่อน และจะมีการลดขนาดธุรกิจ Frozen เพิ่มเติม เพิ่อเน้นประสิทธิภาพในการทำกำไรให้ดีขึ้น แต่คาดทำ GPM 17.0-18.0% ดีขึ้น y-y จากปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น
- ทางฝ่ายอาจมีการปรับราคาพื้นฐานลงจากผู้บริหารคาดการณ์ว่ามีกำไร 1Q67 ที่อ่อนตัว