KS Daily View 21.02.2024 >>> ตลาดเริ่มมองดอกเบี้ยเฟดลงช้า ใช้กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นแนะนำ PSL, GFPT

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA -0.17% S&P500 -0.60% NASDAQ -0.92%; Dollar index -0.21% เป็น 104.063 และค่าเงินบาทปิดที่ 35.98; ราคาน้ำมันดิบ Brent Futures -1.4% เป็น 82.40/bbl; ราคาทองคำ +0.8% เป็น 2039.8/ounce; US 10Y yield -2bps เป็น 4.27%

ในประเทศ: SET Index -6.260 จุด หรือ -0.45% ปิดที่ 1381.07 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ CPALL (+2.73%), GULF (+1.71%), KBANK (+1.67%), CPN (+1.54%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ SCGP (-6.50%), SNNP (-5.76%), BYD (-5.00%), ORI (-4.91%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,400 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่การปรับฐานจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯที่ทรงตัวสูงหลังตลาดเริ่มปรับมุมมองดอกเบี้ยเฟดลงช้าและน้อยกว่าที่คาด จากคาดปรับลด 150bps. ก่อนหน้าเหลือ 100bps. จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาด ในส่วนของตลาดหุ้นไทยปรับฐานวานนี้จากนักลงทุนกังวลประเทศไทยอาจตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคหาก GDP ยังคงลดลง QoQ ในไตรมาส 1/2567 หลัง GDP ไทยหดตัว -0.6% QoQ ในไตรมาส 4/2566 แม้รัฐบาลจะเร่งกระบวนการอนุมัติงบประมาณปี 2567 แต่เราประเมินว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว ทั้งการกระตุ้นด้านการคลัง และการลดดอกเบี้ยนโยบาย ดังนี้นักลงทุนต้องจับตารายงานการประชุม กนง. เช้านี้เพื่อดูสัญญาณว่า ธปท. จะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ หาก ธปท. ลดดอกเบี้ยก่อน Fed คาดค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าเป็น 37 บาทต่อ USD มองกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของ ธปท. และบาทอ่อนค่า คือ บริษัทฯ ที่มีภาระหนี้สูง ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวและบริษัทฯ ที่มีสินทรัพย์ในสกุล USD

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง กดดันโดยหุ้นกลุ่มเทคฯ จากแรงขายทำกำไรหุ้นอินวิเดียก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการในวันพุธ (21 ก.พ.) ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นวอลมาร์ทสู่ระดับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ช่วยให้ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงลบจากกำไร 4Q23 ออกมาดีกว่าคาด ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ปรับตัวลง และราคาทองปรับขึ้นก่อนการรายงาน FOMC minutes คืนนี้ และตลาดกำลังจับตาถ้อยแถลงของ Fed Waller ในคืนวันศุกร์นี้ รวมถึงแถลงการณ์รอบครึ่งปีของ Fed Powell ต่อสภาฯในวันที่ 6-7 มี.ค.

2.) หุ้นดิสคัฟเวอร์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส (Discover Financial Services) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ออกบัตรเครดิตของสหรัฐ พุ่งขึ้น 12.6% หลังจากแคปิตอล วัน (Capital One) ซึ่งเป็นบริษัทปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อการบริโภครายใหญ่ ประกาศแผนเข้าซื้อกิจการของดิสคัฟเวอร์ ไฟแนนเชียล ในวงเงิน 3.53 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้หลังการควบรวม Capital One จะกลายเป็นบริษัทที่มีพอร์ทลูกหนี้บัตรเครดิตใหญ่สุดในสหรัฐฯ ด้วยขนาด market share ที่ 20% สำหรับสินเชื่อรายย่อย

3.) วิเคราะห์ปริมาณ Short Volume (%) ในเดือนก.พ. เทียบกับ ม.ค. พบว่า หุ้นที่มีปริมาณ Short สูงขึ้น MoM (%) ได้แก่ CPF, BTS, LH,AWC, EGCO ขณะที่หุ้นที่มีปริมาณ Short ลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการ Cover Short ได้แก่ SCC, CBG, PTTEP, IVL, TOP

4.) กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยววันที่ 12-18 กพ ที่ 831,989 ลดลง 5% WoW หลังผ่านเทศกาลตรุษจีน โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนปรับตัวลดลง 9% WoW เหลือ 176,088 ซึ่งยังถือว่าอยู่ในระดับที่สูง จำนวนนักท่องเที่ยว YTD (1 มค – 18 กพ) อยู่ที่ 5.2 ล้านคน เติบโต 49% YoY และคิดเป็น 17% ของประมาณการนักท่องเที่ยวปี 2567 ของเรา

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,380-1,410 จุด โดยปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามได้แก่ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, ทิศทางเงินลงทุนต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการ (เบื้องต้น) เดือน ก.พ., ยอดขายบ้านมือสองเดือน ม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และบันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 30-31 ม.ค.67

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

PSL (ราคาพื้นฐาน 9.40 บาท) ค่าระวางเรือ BDI ฟื้นตัวต่ออีก 0.2% ขณะที่ค่าระวางเรือ BSI ปรับตัวขึ้น 3.6% วานนี้และมีแนวโน้มขึ้นต่อจากการเข้าสู่ช่วง Hi season นอกจากนี้มองว่าจะมีการ restocking ก่อนการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ ปลายปีจากนโยบายหาเสียงของ Donald Trump ที่จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าโดยเฉพาะกับจีน และหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มจะหย่าศึกระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้คาดว่าจะเห็นอุปสงค์สินค้าแห้งเทกองในการบูรณะยูเครนด้วย

GFPT (ราคาพื้นฐาน 13.00 บาท) กำไรไตรมาส 4/66 ของ GFPT ดีกว่าคาด 10% ขณะที่กำไรไตรมาส 1/67 มีแนวโน้มเติบโต YoY แต่อ่อนตัวลงเล็กน้อย QoQ เราคาดว่ายอดขายและกำไรปี 2567 ของ GFPT จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปริมาณการส่งออกไปยังตลาดสำคัญๆ ที่สูงขึ้น รวมถึงสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง เราปรับประมาณการกำไรปี 2567-68 ขึ้น 2% และ 3% เป็น 1.5 พันลบ. และ 1.6 พันลบ. ตามลำดับ เพื่อสะท้อนสมมติฐานราคาไก่เนื้อที่สูงขึ้นเป็น 40 บาท/กก. จาก 38 บาท/กก. และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก JV

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธติดตาม ติดตามตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดจะขยายตัว 12.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 9.8% YoY และติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยุโรปสำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ -15.5 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -16.1 จุด ต่อด้วยตัวเลขยอดขายรถของไทยสำหรับเดือน ม.ค. โดยตัวเลขรายงานในเดือนก่อนหน้าที่ 68,326 คัน และปิดท้ายที่ติดตามบันทึกการประชุม Fed FOMC minutes
  • วันพฤหัสบดีฯ ติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้นของยุโรป (Flash PMI) สำหรับเดือน ก.พ. ตลาดคาดที่ 46.8 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 46.6 และดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 2.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.9% YoY และ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของยุโรปสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 3.3% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.4% YoY ปิดท้ายที่ตัวเลขยอดขายบ้านของสหรัฐฯสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ 3.96 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.78 ล้านยูนิต
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาบ้านของจีนสำหรับเดือน ม.ค. ตลาดคาดที่ -0.7% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -0.4% MoM และติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo Business Climate) สำหรับเดือน ก.พ. โดยตัวเลขรายงานที่ 85.2 ในเดือนก่อนหน้า
- Advertisement -