ASIAN กางแผน Unlock Value หุ้นในเครือ “เอเชี่ยน อะไลอันซ์ฯ” เป็นหัวหอกรุกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง เตรียม Spin-Off ดัน AAI ขายหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 4/65 รองรับอุตสาหกรรมที่ขยายตัว สอดรับกับการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจน ด้วยฐานทุนที่แข็งแกร่งขึ้น โดย ASIAN คงถือหุ้นใหญ่สัดส่วนไม่ต่ำกว่า 70% ด้าน AAI นำเงินระดมทุนใช้ขยายธุรกิจ ย้ำหนึ่งในเจ้าตลาดส่งออกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของประเทศไทย

นายเอกกมล ประสพผลสุจริต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการเงินบริษัท เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASIAN เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (AAI) บริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง รวมถึงการจำหน่ายและส่งออก เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งคาดว่า AAI จะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ในช่วงไตรมาส 2/65 และคาดจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในไตรมาส 4/65 เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการเติบโตอย่างชัดเจน และเป็นการจัดโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตได้อย่างคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ประโยชน์จากต้นทุนการเงินในระยะยาวจะต่ำลงได้

นอกจากนี้ การนำ AAI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นการ Unlock Value สะท้อนมูลค่าที่ควรจะเป็นในบริษัทลูก โดยเฉพาะในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันเป็นผู้ผลิตและส่งออกไปยังฐานลูกค้าซึ่งถือเป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาดโลก ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น รวมทั้ง ติด Top10 ตลาดผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย ซึ่งตลาดนี้ยังคงขยายตัวต่อไปอย่างแข็งแกร่งในอนาคต จึงเดินตามแผน Spin-Off  เพื่อรองรับการเติบโต และรักษาการเป็นหนึ่งในผู้นำตลาด พร้อมทั้งจัดทัพการขยายการผลิตด้วยอินโนเวชั่น วางแผนระยะสั้น ยังส่งออกไปยังตลาดหลักที่มีการเติบโตดีอยู่แล้ว และเตรียมจัดจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตนเอง เจาะตลาดไทย และจีนเพิ่มเติม

ด้านผลประกอบการของ AAI ในปี 2563 มีรายได้จากการขายและบริการ 4,512 ล้านบาท กำไรสุทธิ 555 ล้านบาท และงวดครึ่งปีแรก 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 2,415 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 308 ล้านบาท ปัจจุบัน มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 1,700,000,000 บาท

ขณะที่สัดส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AAI และขายหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทถืออยู่บางส่วนที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) รวมกันไม่เกิน 30% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPOโดยการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ AAI เป็นสัดส่วนไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และการเสนอขายหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทถืออยู่บางส่วนไปพร้อมกับการออกและเสนอขายหุ้น IPO ของ AAI เป็นสัดส่วนไม่เกินกว่า 10% ของทุนชำระแล้วทั้งหมดของ AAI ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปดังกล่าวจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน AAI ลดลงจากเดิม 100% ของทุนชำระแล้ว (ก่อนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป) เป็นไม่ต่ำกว่า 70% ของทุนชำระแล้ว (ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป) โดย AAI จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเช่นเดิมต่อไป

สำหรับผลประโยชน์ต่อ ASIAN จะช่วยลดภาระในการสนับสนุนด้านเงินทุนแก่ธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยงของบริษัทในระยะยาว เนื่องจาก AAI จะสามารถระดมทุนได้เองผ่านช่องทางของตลาดทุน รวมทั้งเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของ AAI จากการมีแหล่งทางเลือกในการระดมทุนที่หลากหลาย ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงกว่าปัจจุบันได้ ซึ่งจะเป็นการลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทในภาพรวม

นอกจากนี้ บริษัทจะมีการแยกโครงสร้างธุรกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารจัดการ การกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และคล่องตัวมากขึ้น โดยภายหลังการเข้าจดทะเบียนของ AAI มูลค่าของหุ้นของ AAI จะสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงและมูลค่าเพิ่มของธุรกิจแปรรูปปลาทูน่าสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าและอาหารสัตวเลี้ยง รวมทั้งบริษัทได้รับเงินทุนจากการขายหุ้นสามัญเดิมใน AAI ที่บริษัทถืออยู่บางส่วน

**************************

- Advertisement -