วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,393 / 1,388 แนวต้าน 1,404 / 1,414

คาดสัปดาห์นี้ตลาดจะติดตามการรายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 GDP สหรัฐ และ PCE เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ FED แต่เรายังคงมุมมอง FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วง 2-3Q’67 อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังแกว่งผันผวนตามความไม่แน่นอนของความไม่สงบในตะวันออกกลาง ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มพลังงานผันผวนต่อ สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกอยู่ รวมทั้งการออกมาตรการของ ตลท. คาดจะลดความผันผวน จำกัด Downside ตลาดได้

Our View? “Slow life”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,393 / 1,388 และแนวต้านที่บริเวณ 1,404 / 1,414 เราคาดสัปดาห์นี้ตลาดจะให้ความสนใจไปกับการรายงานตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP สหรัฐ คาดจะออกมาอยู่ที่ระดับ 3.3% สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง รวมทั้งการรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้ความสนใจ คาดจะออกมา +0.3%MoM/+2.4%YoY เพิ่มขึ้น MoM แต่ลดลง YoY ทั้งนี้เรายังคงมองว่า FED มีแนวโน้มจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป และอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในช่วง 2-3Q’67 นี้ สอดคล้องกับคุณคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ เจ้าหน้าที่ FED แสดงความคิดเห็นว่า FED ควรชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไป 2-3 เดือน เพื่อรอดูแนวโน้มของเงินเฟ้อชะลอตัวลง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน เม.ย. ยังคงแกว่งตัวผันผวนแต่ยังไม่สามารถขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นได้ เมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 77.58 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.09 ดอลลาร์ (+1.43%) ได้รับแรงหนุนจากความไม่สงบในทะเลแดงหลังกลุ่มฮูตีประกาศจะปิดช่องแคบบับเอลมันเดบ ซึ่งอาจส่งผลให้การค้าโลกและการขนส่งน้ำมัน คาดจะส่งผลหุ้นในกลุ่มพลังงานผันผวนได้ต่อ

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ม.ค.ของไทยออกมา +10.0% YoY ฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นและมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยเติบโตได้ทั้งสินค้าเกษตร, อุตสาหกรรมเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมจากภาคการผลิตโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามวัฏจักรสินค้า คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหาร-ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ฟื้นตัวขึ้นได้ รวมทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้ตลท. มีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อที่จะยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short selling / Program trade) อาทิ 1) ปรับเพิ่ม Market cap ขั้นต่ำเป็น 7.5 พันล้านบาทในการ Short selling 2.) เพิ่ม ข้อกำหนด Monthly turnover > 2% 3.) ห้ามโยนขาย Short หากราคาหุ้นปรับตัวลงมากกว่า 10% 4.) กำหนด Daily Limit และเปิดเผย Outstanding 5.) เพิ่มมาตรการ Dynamic price band 6.) เพิ่ม Order screening 7.) ให้นักลงทุนแบบ HFT ต้องขึ้นทะเบียน 8.) กำหนดให้ NVDR ต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ถือ NVDR ตั้งแต่ 0.5% แต่ไม่น้อยกว่า 10 ราย เราคาดจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาดได้บ้างไม่มากก็น้อย และคาดจะส่งผลให้ความผันผวนของตลาดในระยะถัดไปลดลงบ้าง มองเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside ของตลาดได้

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “CPALL”

  • กำไรปกติ 4Q/66 (ไม่รวม FX) ที่ 5,612 ล้านบาท +67.8%YoY/ +31.6% QoQ ดีกว่าเราและตลาดคาด จาก CPAXT มีกำไรดีกว่าคาด ขณะที่โมเมนตัม 1Q/67 แม้เราคาดกำไรย่อตัว QoQ จากฤดูกาล แต่โตต่อเนื่อง YoY ตาม SSSG Qtd ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง
  • ทางเทคนิค ราคาพยายามปรับตัวขึ้นต่อยืนเหนือ EMA10 วันได้ต่อเนื่อง ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD ให้สัญญาณ ซื้อ แต่ SSTO อยู่ในภาวะ Overbought
  • แนะนำ “ถือ / ซื้อสะสม” แนวรับ 56.50 / 55.75 Target 60.00 / 64.00 Stop <55.00

- Advertisement -