Daily Focus: Earnings and Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ชะลอตัวระยะสั้นหลังจากปรับตัวขึ้นค่อนข้างแข็งแรง 2 วันก่อนหน้า ดัชนีปิดลบเล็กน้อย 4.33 จุด ที่ระดับ 1,398.14 จุด กลุ่มที่ถ่วงตลาด ได้แก่ ปิโตรเคมี การแพทย์ไฟแนนซ์ อิเล็กทรอนิกส์ ส่วนกลุ่มที่ประคอง ได้แก่ สื่อสารฯ ท่องเที่ยว รับเหมาฯ สถาบันในประเทศมีสถานะทรงตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 1.9 พันลบ. (และ Short Index Futures 1.5หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,390-1,405 จุด โดยขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากปรับตัวขึ้นร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ส่วนสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญโดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯเดือนม.ค. ออกมามากขึ้น เช่น ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน GDP 4Q23 (คาดการณ์ครั้งที่ 2) และโดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE ในคืนวันพฤหัสฯซึ่งตลาดให้น้ำหนักมากที่สุด ซึ่งต้องติดตามว่าจะสูงกว่าคาดตาม CPI ที่ประกาศไปก่อนหน้าหรือไม่ และจะมีผลต่อคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของ FED ในรอบการประชุมเดือน มิ.ย. โดยล่าสุดความน่าจะเป็นอยู่ที่ 54% ซึ่งสะท้อนว่ายังไม่ชัดเจน ส่วนในประเทศจับตาโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 4Q23 ของบจ. ซึ่งเบื้องต้นโดยรวมออกมาต่ำกว่าคาด High Single Digit และเริ่มเห็นการปรับลดประมาณการปี 2024 ลง เราจะมีการทบทวน SET Target อีกครั้งสิ้นเดือนนี้อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023 ไปแล้วและทยอยเร่งตัวขึ้นในปี 2024 โดยเฉพาะใน 2H24 หลังงบประมาณประจำปี 2024 คาดว่าจะผ่านสภาฯได้ใน 2024 ทำให้เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360+/- จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกและแนวโน้มกำไรปีนี้แข็งแกร่ง

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU

FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
  • ประกาศกำไรปกติ 4Q23 ที่ 5.6 พันลบ. +32% q-q, +93% y-y ดีกว่าเราและตลาดคาด 18-19% จาก Gross Margin ของ CVS ที่ดีกว่าคาด ขณะที่รายได้แข็งแรงตาม SSSG ที่บวกได้ทุกธุรกิจทั้ง
    CVS Wholesales และ Retail
  • แนวโน้ม SSSG 1QTD ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ +3-4% และแผนการขยายสาขา CVS จะเพิ่มอีก 700 สาขาในไทยและยังมีแผนขยายสาขากัมพูชาและลาวต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2024 เติบโตต่อเนื่องและมี Upside จากปัจจุบันที่คาด 2 หมื่นลบ.
  • แนวรับ 56.75//56 บาท แนวต้าน 58/59 บาท

Fund Flow : ช่วง 2 วันที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคสุทธิ US$1,089 ล้าน โดยยังกระจุกตัวที่ไต้หวัน US$1,164 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ไหลเข้าบางลงเหลือ US$129 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินพลิกมาไหลออกเกือบทุกประเทศนำโดยอินโดนีเซีย US$121 ล้าน ตามด้วยไทย US$54 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะผสมผสานหลังหุ้นเทคโนโลยีเริ่มถูกขายทำกำไรระยะสั้น ขณะที่สัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหนาตาขึ้น โดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯในวันพฤหัสฯ

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ส่งออกไทย ม.ค. 24 ดีกว่าคาด +10% Y-Y ส่วนการนำเข้า +2.6% y-y ทำให้เดือน ม.ค.ไทยกลับมาขาดดุลการค้า US$2.76 พันล้าน แต่เราไม่ได้มองลบเนื่องจากยอดนำเข้าที่เพิ่มเป็นสินค้าทุน วัตถุดิบ และสินค้ากึ่งสำเร็จรูป ซึ่งสะท้อนภาคการผลิตที่น่าจะมีสัญญาณดีขึ้น มูลค่าส่งออกเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือน ม.ค. 24 ขยายตัว +9.2% y-y สินค้าที่ขยายตัวดี นำโดย ข้าว ไก่ยางพารา ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง อาหารสัตว์เลี้ยง และ สิ่งปรุงรส

(+) SISB กำไร 4Q23 อยู่ที่ 211 ลบ. +64% q-q และ y-y New high ทั้งรายได้และกำไรหลังรับรู้โรงเรียนใหม่ 2 แห่งเต็มไตร์มาสตามคาด จบปี 2023 กำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 654 ลบ. +77% y-y เราคาดกำไรปี 2024 +36% y-y โดยจะมี capacity เพิ่มอีก 1,050-1,350 ที่นั่ง จากการขยายรร.ปัจจุบันที่ใกล้เต็ม ราคาเป้าหมาย 42 บาท คงแนะนำ “ซื้อ”

(+) PRM กำไรปกติ 496 ลบ. +43% q-q, -35% y-y กำไรที่ดีขึ้น q-q มาจากรายได้ที่ดีขึ้นแทบทุกธุรกิจ ทั้งการขนส่งน้ำมันในประเทศ และการขนส่งระหว่างประเทศ ส่วนกำไรที่ลดลง y-y มาจากการลดลงของจำนวนเรือ FSU ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง จบปี 2023 มีกำไรปกติ 1,891 ลบ. +4% y-y แนวโน้ม 1H23 ดีต่อจาก high season และรับเรือใหม่ 2 ลำ คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 8.50 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(+) ERW กำไรปกติ 4Q23 ที่ 214 ลบ. +7% y-y, 45% q-q ดีกว่าเราและตลาดคาด 10-17% จากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงแรมในญี่ปุ่นต่ำกว่าคาด และ EBITDA margin ดีกว่าคาด จบปี 2023 มีกำไรปกติ 719 ลบ. คาดแนวโน้มกำไร 1Q24 ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง จาก High season อย่างไรก็ตาม Japan Hop Inn ที่ขาดทุนจะกดดันการเติบโตของกำไร คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 6.30 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”

(-) RBF กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 140 ลบ. -33% q-q, +49% y-y ต่ำกว่าเราและตลาดคาด 5-15% จาก Shipment delay และ GPM ชะลอตัวมากกว่าคาด เรามีความกังวลมากขึ้นต่อ GPM ที่ปรับลงจากการเปลี่ยนแปลงของ Product Mix จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 649 ลบ. +35% y-y อยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการและราคาเป้าหมายปัจจุบันที่ 14 บาท ยังแนะนำ “ถือ”

(+) ICHI คาด 1Q24 กำไรฟื้นทะลุ 300 ลบ. อีกครั้ง จากแนวโน้มรายได้ 1Q24 ยังสูงต่อเนื่องจาก 4Q23 คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ตันพาวเวอร์ 1 เดือน เพราะจะเริ่มวางขาย มี.ค. เป็นต้นไป ผบห.ตั้งเป้ารายได้ปี 2024 โต 12% เป็น 9 พันลบ. การขยายกำลังการผลิตยังตามแผน ส่วนแบ่งอินโดนีเซียจะพลิกมีกำไรตั้งแต่ 1Q24 เป็นต้นไป เราอยู่ระหว่างปรับเพิ่มกำไรและราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 21 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(+) MASTER กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 164 ลบ. +64% q-q, +108% y-y ทำสถิติสูงสุดใหม่ จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 416 ลบ. +38% y-y บริษัทประกาศเตรียมย้ายเข้า SET โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นและลงทุนธุรกิจเสริมความงานเพิ่มอีก 4 ดีล มูลค่าเงินลงทุน 152 ลบ. เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2024-25 เป็นเติบโต 49% y-y และ 10% y-y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 82 บาท (หลัง XD 72 บาท) แนะนำ “ซื้อ”

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 62.30 จุด หรือ -0.16% ปิดที่ 39,069.23 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนี PCE เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย

(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้กำหนดเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ

(0) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดทรงตัว โดยมีตลาดนิกเกอิที่ยังเปิดบวกได้ หลังจากทำ จุดสูงสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา

(0) ค่าเงินบาททรงตัว อยู่ที่บริเวณ 35.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +0.02%

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.43% ปิดที่ 77.58ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงและจากการที่รัสเซีย ถูกคว่ำบาตร ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 77.73 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.19%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 2,038.90ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2,040.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.10%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 827.81/ –

- Advertisement -