จากนี้พิจารณาเลือกหุ้นมากขึ้นเพราะดัชนีเริ่มไร้ปัจจัยบวก

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดลบ 0.16% นักลงทุนขายลดความเสี่ยงรอดูเงินเฟ้อสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดี ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.1% ได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โจมตีเรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง

Market Outlook

วันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกประจำเดือน ม.ค. ขยายตัว10%YoY สอดคล้องกับหลายๆประเทศในเอเชียตามทิศทางการค้าของโลกที่ฟื้นตัวจากภาวะเงินเฟ้อประกอบกับฐานต่ำในปีก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัว 9.2%YoY และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกๆสินค้าเกษตรมีเพียงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง (-27%YoY) น้ำตาลทราย (-16%YoY) ไขมันสัตว์ (-59%YoY) สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 10%YoY และเป็นการขยายตัวในเกือบทุกสินค้า มีเพียงรถยนต์ อุปกรณ์ (-4.7%YoY) เครื่องปรับอากาศ (-10%YoY) มองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มส่งออกสินค้าอาหาร (ITC TU) ชินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (HANA) สำหรับสัปดาห์นี้ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯประกอบไปด้วย (1) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB ในวันอังคาร Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 114.8 (2) เงินเฟ้อ (PCE) และคนขอสวัสดิการว่างงานในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.4%YoY และ 2.09 แสนราย หากรายงานแล้วแย่กว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาด (3) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (ISM PMI) ในวันศุกร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 49.5 สำหรับปัจจัยในประเทศติดตามช่วงสุดท้ายของผลประกอบการ 4Q23 ข้อมูลล่าสุดของ SET100 รายงานออกมาแล้ว 64 บริษัทหรือคิดเป็นกว่า 64% Market Capitalization ของ SET INDEX พบว่ากลุ่มที่ผลประกอบการเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และส่วนใหญ่ดีกว่านักวิเคราะห์คาดได้แก่กลุ่มค้าปลีก (GLOBAL CPALL MOSHI) ร้านอาหาร (M) การเงิน (MTC) เครื่องดื่ม (CBG ICHI) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุตสาหกรรมเน้นขายสินค้าหรือบริการในประเทศเมื่อมองไปข้างหน้ากลุ่ม Domestic Play จะยังคงน่าสนใจต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในและการท่องเที่ยว

สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1370 – 1410 พร้อมแนะติดตามภาวะเศรษฐกิจไทยกับดุลบัญชีเดินสะพัดในวันพฤหัสบดีช่วงบ่ายจากธนาคารแห่งประเทศไทย Bloomberg Consensus คาดขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 422 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนเชิง Trading แนะเริ่มต้น Take Profit เพราะตลาดรับรู้ปัจจัยบวกต่างๆไปมากแล้วไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการรวมถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวเด่นจากช่วงเทศกาลตรุษจีน พร้อมแนะนำเริ่มพิจารณาเป็นรายตัวเน้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง อาทิ (BJC CPALL CPAXT HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) การเงิน (MTC SAWAD TIDLOR) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)

มีกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 5.5 พันล้านบาท (+75%YoY) หลังตัดรายการพิเศษจะมีกำไรปกติ 5.6 พันล้านบาท (+93%YoY, +32% QoQ) ดีกว่าที่เราคาด 14% และตลาดคาด 17% กำไรที่เติบโตแข็งแกร่งมากจากผลประกอบการของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่เติบโตจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโต 3.6% YOY พร้อมกับการฟื้นตัวของกำไรจาก CPAXT (Makro และ Lotus’s) ขณะที่เราคาดว่ากำไรปกติจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.18 หมื่นล้านบาท (+21% YoY) ในปี 2024

M (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 55.00 บาท)

มีกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 508 ล้านบาท (+59%YoY, +31%QoQ) จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่รายได้ยังคงทรงตัวได้ YoY แม้มีการแข่งขันที่สูงขึ้นในภาวะกำลังซื้อที่ชะลอตัว

- Advertisement -