CPW ท็อปฟอร์ม กำไรปี’66 พุ่ง 43.96% โกย 129 ล้านบาท ได้แรงหนุนสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์-โทรศัพท์มือถือโต ย้ำปีนี้ลุยต่อตามเทรนด์ AI Phone หลังกระแสจอง Samsung Galaxy S24 Series ฮอต
บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด หรือ CPW โชว์ผลประกอบการปี 2566 ไปได้สวย โกยกำไรสุทธิอยู่ที่ 129 ล้านบาท โตสูง 43.96% ส่วนรายได้อยู่ที่ 7,488 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.30% รับดีมานด์สินค้ากลุ่มดิจิทัลไลฟ์สไตล์และโทรศัพท์มือถือสูงขึ้น และมีรายได้จากการปรับปรุงสิ่งตอบแทนที่จะต้องจ่ายเจ้าหนี้ค่าซื้อธุรกิจลดลง พร้อมประเมินปี 2567 เดินหน้าขยายการเติบโตสอดรับ เทรนด์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมทั้ง กระแส AI Phone หนุน Samsung Galaxy S24 Series ร้อนแรงตั้งแต่โค้งแรกของปี รวมทั้ง แบรนด์ชั้นนำที่เปิดตัวสินค้าใหม่ ดันตลาด Gadget & Accessory และ Digital Lifestyle คึกคัก ควบคู่การจับมือพันธมิตรเพิ่มสินค้ากลุ่ม IoT และขยายช่องทางการจำหน่ายต่อเนื่อง
นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอปเปอร์ ไวร์ด จำกัด (มหาชน) หรือ CPW เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2566 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 129.25 ล้านบาท เติบโตมากถึง 43.96% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิปี 2565 ที่ทำได้อยู่ที่ 89.78ล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ 7,488 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่ทำได้ 7,319 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.30%
ทั้งนี้ เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์และโทรศัพท์มือถือ ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตลดลง ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากรายได้อื่นที่เกิดจากการปรับปรุงประมาณการสิ่งตอบแทนที่จะต้องจ่ายซื้อธุรกิจ (เจ้าหนี้ค่าซื้อธุรกิจ) เพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานและแผนงานในปัจจุบันกลุ่มธุรกิจดังกล่าว ซึ่งทำให้กลุ่มบริษัทต้องปรับปรุงสิ่งตอบแทนที่คาดว่าจะต้องจ่ายลดลงโดยรับรู้ในรายได้อื่นเป็นจำนวนเงิน 52.25 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ขณะที่รายได้จากการขายและบริการสุทธิก็เติบโต อยู่ที่ 7,364 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.84% จากปีก่อนที่ทำได้ 7,231 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ปี 2566 บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิต่อรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1.23% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 12.66% ซึ่งลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบปีก่อนที่12.76% จากสาเหตุการเพิ่มขึ้นของรายได้การขายสินค้าประเภทสมาร์ทโฟนซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าสินค้าประเภทอื่น
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 41.26 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 41.32 ล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 2,179ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,225 ล้านบาท หรือลดลง 2.05%
โดยรายได้จากการขายและบริการสุทธิไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่จำนวน 2,144 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,187 ล้านบาท หรือลดลง 1.97% ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากการขายสินค้าคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต แต่โทรศัพท์มือถือและสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 12.31% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 12.22% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันที่ระดับ 1.89%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.86% ซึ่งบริษัทฯ จะมีการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2566 ทั้งหมดจำนวน 48 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจำนวน 104 สาขา ประกอบด้วย ร้าน dotlife (ดอทไลฟ์) จำนวน 23 สาขา, ร้าน Apple Brand Shop จำนวน28 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 18 สาขา U.Store by copperwired จำนวน 9 สาขา และ Ai_ จำนวน 1 สาขา), ศูนย์บริการ iServe จำนวน 3 สาขา, ร้าน AIS จำนวน 26 สาขา, Samsung จำนวน 19 สาขา และ ร้าน Xiaomi จำนวน 5 สาขา
นายปรเมศร์ กล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ปี 2567 ว่า ปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเติบโตจากปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากที่ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีก่อน บริษัทฯ ได้เริ่มแผนขยายช่องทางการจำหน่ายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจซึ่งเป็นระดับบิ๊กเนมชั้นนำเพื่อจำหน่ายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้มากขึ้น ประกอบกับได้หาสินค้าแบรนด์ไลฟ์สไตล์ รวมถึง IoT เข้ามาเสริมพอร์ตและตอบโจทย์ความต้องการหรือเทรนด์ผู้บริโภคมากขึ้น
นอกจากนั้นยังเชื่อว่า ธุรกิจจะได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่สุดล้ำ กับ AI Phone โทรศัพท์มือถือที่พาก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างยิ่งใหญ่จาก Samsung Galaxy S24 Series เพราะในช่วงที่ผ่านมามีการจองผ่านช่องทางร้าน Samsung ภายใต้การบริหารของบริษัทฯ ร้าน dot-life และช่องทางออนไลน์ โดยปัจจุบันยังคงได้กระแสตอบรับจากลูกค้าจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง และน่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในครึ่งปีแรกของปี 2567 กลับมาคึกคักได้ ซึ่งรวมถึงสินค้ากลุ่ม Gadget & Accessory และ Digital Lifestyle ที่คาดว่าน่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกัน