Daily Focus: Earnings and Selective Play
2024 SET Target : 1520
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ชะลอตัวลงอีกเล็กน้อยตามคาด ปิดลบอีกเล็กน้อย 4.44 จุด ที่ระดับ 1,393.70 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.6 หมื่นลบ. กลุ่มที่ถ่วงตลาด คือ ปีโตรเคมี พลังงาน ส่วนกลุ่มที่หนุนตลาด ได้แก่ ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ ค้าปลีก สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นบางๆ 191ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิเพิ่มและเร่งขึ้นเป็น 2.3 พันลบ. (และ Short Index Futures สูงถึง 3.69 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,385-1,400 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาดหุ้นต่างประเทศโดยรวมทรงตัวผสมผสาน เพื่อรอจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯทั้ง GDP 4Q23 (คาดการณ์ครั้งที่ 2) คืนนี้ และโดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE เดือน ม.ค.ในคืนพรุ่งนี้ซึ่งตลาดให้น้ำหนักมากที่สุด หากออกมาเร่งขึ้นและสูงกว่าคาดจะกดดันสินทรัพย์เสี่ยงและตอกย้ำภาพว่าการลดดอกเบี้ยของ FED จะค่อนข้างช้า โดยล่าสุดตลาดมองโอกาสลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน มิ.ย. เพียง 50-60% ส่วนในประเทศยังคง จับตาโค้งสุดท้ายของการประกาศกำไร 4Q23 ของบจ. ซึ่งโดยรวมออกมาต่ำกว่าคาด และส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2024 ทยอยถูกปรับลง โดยเราจะมีการทบทวน SET Target อีกครั้งสิ้นเดือนนี้อย่างไรก็ตามเรามองว่าทั้งเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ได้ Bottom แล้วในปี 2023 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวใน 2024 ทำให้เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360+/- จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นยังเน้นเลือกลงทุนเป็นรายตัวที่มีปัจจัยบวกและแนวโน้มกำไรปีนี้แข็งแกร่ง
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน ก.พ.: CPALL, ITEL, MINT, PR9, TU
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : HMPRO
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.60 บาท
- กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 1.68 ลบ. +9% q-q, +1% y-y ดีกว่าตลาดและเราคาด 5-6% จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด เนื่องจากการลดกิจกรรมการส่งเสริมการตลาด ชดเชยรายได้ที่ชะลอตัวลงได้ จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 6.4 พันลบ.+4% y-y ดีกว่าคาด 4%
- แนวโน้ม SSSG ฟื้นตัวต่อเนื่องจาก ติดลบ 1-2%ในเดือน ม.ค. เป็นบวก 1-2% ในเดือน ก.พ. เรายังคาดกำไรปี 2024-25 +7% และ +6% ตามลำดับ ราคาหุ้นเทรด PER เพียง 21 เท่าต่ำกว่าอดีต ที่ 30 เท่า
- แนวรับ 10.70//10.50-10.30 บาท แนวต้าน 11.20//11.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาคสุทธิ US$568 ล้าน นำโดยไต้หวัน US$446 ล้าน ส่วนเกาหลีใต้ทรงตัวไหลเข้าบางๆ US$14 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดไหลออกสูงสุดที่อินโดนีเซีย US$75 ล้าน ตามด้วยไทย US$64 ล้าน ส่วนเวียดนามและฟิลิปปินส์ทรงตัว แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังผสมผสานและรอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้ง GDP 4Q23 (คาดการณ์ครั้งที่ 2) และโดยเฉพาะเงินเฟ้อ PCE คืนวันพฤหัสฯ
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) HANA กำไร 4Q23 น่าผิดหวังจากที่เราและตลาดคาดที่ 500 ลบ. กำไรสุทธิ 4Q23 เท่ากับ 125 ลบ. -83% q-q, -88% y-y หากไม่รวม FX gain และรายการพิเศษอื่นๆ จะมีกำไรปกติ 291 ลบ. – 57% q-q, -47% y-y จาก Margin ที่ลดลง โดยมีค่าใช้จ่ายปรับลดสินค้าคงคลังและค่าใช้จ่ายปรับปรุงโรงงานที่เกาหลีใต้ จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 1.76 พันลบ. -16% y-y ปัจจุบันคาดกำไรปี 2024 +16% เราอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการหลังประชุมวันที่ 5 มี.ค. นี้
(+) KCG กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 141 ลบ. +24% q-q, +156% y-y ดีใกล้เคียงคาด จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นตาม Festive season ของทุกปี และโครงการขยายกำลังผลิต IWS ที่เริ่มผลิตตั้งแต่เดือน ต.ค.2023 เป็นต้นมา จบปี 2023 มีกำไรสุทธิ 306 ลบ. +27% y-y คงคาดกำไรสุทธิปี 2024-25 เติบโตเฉลี่ยปีละ 16% ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2024 PE เพียง 14 เท่า ยังคงราคาเป้าหมาย 12 บาท แนะนำ “‘ซื้อ”
(0) SC กำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 851 ลบ. +69% q-q, -9% y-y หากหักรายการ one-time มีกำไรปกติอยู่ที่ 968 ลบ. +92% q-q และทรงตัวดี y-y ตามคาด จบปี 2023 กำไรสุทธิ -3% y-y เรายังคงคาดกำไรปี 2024 ทรงตัวที่ 2.5 พันลบ. โดยโมเมนตัมกำไร 2H จะเด่นกว่า 1H จากคอนโดสร้างเสร็จใหม่ 2 แห่งใน 2H24 และการเปิดตัวแนวราบที่กระจุกตัวใน 2Q24 ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H23 ที่ 0.16 บ./หุ้น Yield 4.7% XD 2 พ.ค. คงราคาเป้าหมาย 4.40 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) CPF 4Q23 พลิกมีกำไรสุทธิ 121 ลบ. แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ 4Q23 จะขาดทุน -1.08 หมื่นลบ. แย่กว่าที่คาดมากจากราคาเนื้อสัตว์ลดลงทุกประเทศ ขณะที่ตันทุนยังปรับลงช้า จบปี 2023 ขาดทุนสุทธิ -5.2 พันลบ. คาดปี 2024 จะมีสถานการณ์ที่ดีขึ้น จากการขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไรออกไปบางส่วนทั้งไก่จีนและหมูจีน เหลือเพียงหมูไทยที่ลุ้นว่า 1Q24 จะกำไรได้หรือไม่ และหมูกัมพูชายังขาดทุนต่อเพราะมีปัญหาหมูเถื่อน
(+) SCB Bloomberg เผย SCB X ว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการของ Home Credit Vietnam (HCV) มูลค่า 800-900 ล้านเหรียญฯ สำหรับ HCV เป็นธุรกิจในเครือ Home Credit Group ซึ่งเป็น non-bank สัญชาติเนเธอร์แลนด์ มีฐานลูกค้า 15 ล้านราย สาขา 1.6 หมื่นแห่ง โดยมีการปล่อยสินเชื่อรายย่อย รวมทั้งให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และสินค้าเพื่อผู้บริโภค เรามองว่าธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในเวียดนามเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรที่ดีมาก แต่ยังต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและเราจะนำเสนอต่อไป ราคาเป้าหมาย 118 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) SAV โทนประชุมเป็นบวก คาดจำนวน flight จะปรับดีขึ้น q-q และ y-y ใน 1Q24 โดย overflight เริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ ธ.ค. ส่วน landing and take-off ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีน ส่วนการขอขึ้น tariff กับรัฐบาลกัมพูชาน่าจะเกิดขึ้นภายในช่วง 2H24 และเป็น upside ในปี 2025 ประกอบกับ SAV อยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลลาวเพื่อทำธุรกิจการบินลาว คาดจะลงนาม MOU มี.ค.-เม.ย. นี้ นอกจากนี้บริษัทมีโอกาสได้งานเกี่ยวกับ aviation เพิ่มเติมภายในปีนี้ซึ่งเป็นอีก upside ในประมาณการของเรา ราคาเป้าหมาย 26 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 96.82 จุด หรือ -0.25% ปิดที่ 38,972.41 จุด ขณะนักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ของสหรัฐซึ่งอาจบ่งชี้กำหนดเวลาที่เป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก โดยดัชนี DAX ของตลาดหุ้นเยอรมนีแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับกำหนดเวลาที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกฟื้นขึ้นได้ หลังตลาดทรงตัวเมื่อวานนี้ จากการที่นักลงทุนเฝ้าจับตาดูรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ และรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.22%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.66% ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปก และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะขยายเวลาลดกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีกหลังสิ้นสุดไตรมาสแรกนอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เช้านี้ปรับลงอยู่ที่ระดับ 78.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.46%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์ หรือ 0.26% ปีดที่ 2,044.10ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังได้แรงหนุนจากแรงซื้อของนักลงทุนเพื่อชดเชยการขายชอร์ตด้วย ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 2,038.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.26%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 826.94/ -0.11%