บล.พาย:

Automotive: เริ่มปี 24 ด้วยยอดผลิตเพียง 142,102 คัน (NEUTRAL)

ТОР PICK –

ส.อ.ท. รายงานตัวเลขยานยนต์ประจำเดือน ม.ค. ลดลงถึง 12%YoY ลดลงแรงในส่วนของยอดขายรถยนต์ในประเทศ จากปัญหาการเข้มงวดสินเชื่อในกลุ่มรถกระบะ เมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 23 ยอดผลิตเพิ่มขื่นได้ เพราะมีวันทำงานเพิ่มขึ้น แม้ว่ายอดขายและยอดส่งออกจะลดลงก็ตาม ทั้งนี้สิ่งที่เห็นเพิ่มสำหรับปี 24 คือเริ่มมีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เข้ามาแล้ว โดยมีจำนวน 652 คัน โดยเราคาดว่าจะเห็นตัวดังกล่าวเติบโตในช่วงที่เหลือของปีต่อไป  และจากตัวเลขที่ออกมาทำให้เป้าการผลิตรถยนต์ที่ระดับ 1.9 ล้านค้น (+3%YoY) ที่ทางสภาอุตสาหกรรมคาดการณ์ไว้ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งจากตัวเลขที่ออกมาไม่ดีนัก เราจึงคงให้น้ำหนักการลงทุนที่ “เท่าตลาด” ขณะที่หุ้นแนะนำประจำกลุ่ม ด้วยปัจจัยระยะสั้นที่ไม่ดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับรถกระบะ ทำให้เรายังไม่เลือกหุ้นเด่นแต่อย่างใด แต่ถ้าเลือกลงทุนเพื่อรับปันผล เราแนะนำ “SAT” เพราะประกาศจ่ายปันผลช่วง 2H23 จำนวน 1.22 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 7% (รวมทั้งปีจ่าย 1.6 บาท/หุ้น)

ผลิตรถยนต์เดือน ม.ค. 24 อยู่ที่ 142,102 คัน (-12%YoY,+6%MoM)

  • สภาอุตสาหกรรมรายงานตัวเลขกลุ่มยานยนต์เดือน ม.ค. 24 มีการผลิตรถยนต์ 142,102 คัน (-12%YoY, +6%MoM) การส่งออก 86,716 คัน (-0.1%YoY, -4%MoM) ยอดขายรถยนต์ในประเทศ 54,814 คัน (-16%YoY, -20%MoM)
  • เทียบกับ ม.ค. 23 ลดลงทุกกลุ่ม โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ได้รับแรงกดดันจากกลุ่มรถกระบะที่ยอดขายลดลงกว่า 45%YoY จากความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ส่วนการส่งออกถือว่ายังรักษาระดับเดียวกับปีก่อนได้
  • เทียบกับเดือน ธ.ค. 23 มีการเติบโตในส่วนของการผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลดีจากการที่ไม่มีวันหยุดมาก ขณะที่ยอดขายรถยนต์กละการส่งออกปรับตัวลดลง โดยยอดขายรถยนต์ลดลงมาจากกลุ่มรถกระบะเช่นกัน (-24%MoM)
  • ยอดจดทะเบียนรถ EV เดือน ม.ค. อยู่ที่ระดับ 13,653 คัน (+353%YoY, +47%MoM) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 24.9% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศ ทั้งนี้ในเดือน ม.ค. เริ่มมีการผลิตรถ EV ในประเทศ (นับเฉพาะผลิตในกลุ่ม BEV) แล้วจำนวน 652 คัน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1.2% ของการผลิตรถยนต์นั่งในประเทศ

เป้าปี 24 ส.อ.ท.ตั้งไว้ที่ 1.9 ล้านคันเริ่มท้าทาย

  • ยอดผลิตเดือน ม.ค. ออกมาเพียง 142,102 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 7% ของเป้าที่ทางสภาอุตสาหกรรมคาดไว้ที่ 1.9 ล้านค้น ทำให้เรามองว่าเป้าดังกล่าวเป็นตัวเลขที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะไปถึงได้หรือไม่ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ที่สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มรถกระบะ ขณะที่การผลิตรถไฟฟ้ายังมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งเราต้องติดตามว่ารัฐบาลจะ มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมามากน้อยเพียงใดในช่วงที่เหลือของปี
  • เราคงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มยานยนต์ “เท่าตลาด” เพราะยังมีมุมมองเดิมว่าระยะยาวยังเห็นการเติบโตได้จากการที่ผู้ผลิตรถยนต์จากจีนเริ่มผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศ แต่ระยะสั้นด้วยจำนวนการผลิตที่ลดลงทำให้เป็นความเสี่ยงต่อผลประกอบการกลุ่มยานยนต์ที่อาจจะทำให้ต้องมีการปรับลดลงในอนาคต ส่วนหุ้นแนะนำ ระยะสั้นเรายังไม่เลือกหุ้นแนะนำแต่อย่างใด เพราะหุ้นที่ยังมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมมากอย่าง AH และ SAT ยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของตลาดรถกระบะอยู่ขณะที่ STANLY ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในแง่เงินปันผลเราแนะนำ SAT เพราะมีการประกาศจ่ายเงินปั่นผลงวด 2H23 ออกมาแล้วจำนวน 1.22 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 6-7% (รวมทั้งปีจ่าย 1.6 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 9%)

- Advertisement -