บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

IRPC โมเมนตัมกำไรอ่อนตัวลง

Action

TRADING (Maintain) 

TP upside (downside) -7.3%

Close Oct 15, 2021 Price (THB) 4.64

12M Target (THB) 4.30

Previous Target (THB) 4.20

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 3Q64 ท่ี 2.1 พันล้านบาท +36% YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง -54% QoQ จากผลกระทบการแพร่ระบาดรอบใหม่, การปิดซ่อมบำรุงหน่วย Hyvahl, Margin ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี – น้ำมันหล่อลื่นต่ำลง, และขาดทุน FX
  • การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบจากวิกฤตพลังงาน ทำให้กำไรสุทธิ 9M64 มีโอกาสดีกว่าท่ีประเมินไว้ก่อนหน้า ปรับเพิ่มสมมติฐานกำไรสต็อกน้ำมัน ทำให้คาดกำไรสุทธิท่ี 1.3 หมื่นล้านบาท

Our View

  • แนวโน้มผลประกอบการ 4Q64 มีโอกาสได้แรงหนุนจากกำไรสต็อกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม คาดกำไรปกติจะลดลง QoQ ตาม Margin ปิโตรเคมี – น้ำมันหล่อลื่น 
  • ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.30 บาท ทางพื้นฐานมีมุมมองเป็นกลาง แนะนำ TRADING เพราะโมเมนตัมกำไร 2H64 ไม่เด่น กอปรกับการเติบโตปี 2565 จะถูกถ่วงจากการเพิ่มขึ้นของอุปทานปิโตรเคมี และมีโอกาสเป็นช่วงปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่น (ทุก 5 ปี )

คาดกำไรอ่อนตัวลง QoQ

คาด 3Q64 จะมีกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาท ดีขึ้น +36%YoY จากฐานช่วงการแพร่ระบาดของ Covid-19 ในปีก่อน อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 2Q64 คาดกำไรสุทธิลดลง -54%QoQ จาก 1) อัตราการกลั่นจะลดลงเหลือ 190 KBD (-2%QoQ) เพราะผลกระทบการแพร่ระบาดรอบใหม่ในประเทศ และแผนปิดซ่อมบำรุงหน่วยเพิ่มคุณภาพน้ำมันเตา (Hyvahl) 45 วัน 2) อัตรากำไรธุรกิจหลัก (Market GIM) คาดทำได้ US$ 12.5/bbl (-20%QoQ) สอดคล้องส่วนต่างราคาปิโตรเคมี เช่น PP-Naphtha อยู่ที่ US$ 561/ตัน (-21%QoQ) และ ABS-Naphtha อยู่ที่ US$ 1,663/ตัน (-14% QoQ) และส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นอยู่ที่ US$ 895/ตัน (-14% QoQ) 3) ประเมินกำไรสต็อกน้ำมัน 2.3 พันล้านบาท ลดลงจาก 3.3 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน 4) ขาดทุนป้องกันความเสี่ยงและอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทอ่อนค่าราว 530 ล้านบาท หากนับเฉพาะผลการดำเนินงานปกติคาดทำได้ 791 ล้านบาท (-68% QoQ แต่พลิกจากขาดทุน YoY)

4Q64 คาดหวังกำไรสต็อกน้ำมัน แต่กำไรปกติไม่เด่น

สำหรับแนวโน้ม 4Q64 แม้คาดว่าอัตราการกลั่นจะปรับตัวดีขึ้นแตะระดับ 195-200 KBD ได้ หนุนจากอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปในประเทศที่ฟื้นตัวจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อกน้ำมันตามการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบ (WTI สูงสุดรอบ 7 ปี) อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานอาจอ่อนลง QoQ เนื่องจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมี-น้ำมันหล่อลื่นมีโอกาสถูกกดดันจากอุปทานในตลาดที่สูงขึ้น ทำให้ประเมินเบื้องต้นว่า Market GIM อาจอยู่ที่ระดับ US$ 11-12/bbl ใน 4Q64

ปรับเพิ่มกำไรปีนี้ สะท้อนวิกฤตพลังงานทำกำไรสต็อกน้ำมันสูงกว่าคาด

ผลประกอบการ 9M64 มีโอกาสทำได้ดีกว่าที่เราประเมินก่อนหน้า เนื่องจากการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมันดิบ ตามสถานการณ์วิกฤตอุปทานพลังงานทั่วโลก เราปรับกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 24% เป็น 1.3 หมื่นล้านบาท (เป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท ฯ ) จากการปรับเพิ่มสมมติฐานกำไรสต็อกน้ำมันจาก US$ 2.7/bbl เป็น US$ 4.4/bbl แต่คง Market GIM ที่ US$ 13.5/bbl ส่วนปี 2565 เรายังคงประมาณการกำไรปกติที่ 4.6 พันล้านบาท (-1% YoY) เพราะคาดว่าจะเป็นรอบปิดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นตามวัฏจักรทุก 5 ปี (ครั้งก่อนหน้าเมื่อ 1Q60 ระยะเวลา 1 เดือน)

ราคาเหมาะสมใหม่ 4.30 บาท

ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.30 บาท อ้างอิง PBV ที่ 1.0 เท่า โดยให้ส่วนลด -0.5 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี (เท่าเดิม) ทางพื้นฐานมีมุมมองเป็นกลาง คงคำแนะนำ TRADING เนื่องจากโมเมนตัมผลประกอบการ 30-4064 ไม่เด่น ขณะที่การเติบโตในปี 2555 จะถูกกดดันจากแผนปิดซ่อมบำรุงใหญ่ของโรงกลั่น และการเพิ่มขึ้นของอุปทานปิโตรเคมี (บริษัท ฯ จะรายงานผลประกอบการวันที่ 9 พ.ย. )

- Advertisement -