Daily Focusซ Selective Play
2024 SET Target : 1470
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยปิดลบอีกเล็กน้อย 3.25 จุด สู่ระดับ 1,367.42 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเกือบ 5 หมื่นลบ. โดยแกว่งตัวในกรอบแคบในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียเนื่องจากไร้ปัจจัยใหม่หนุน หุ้นขนาดใหญ่ที่ถ่วงตลาดคือ DELTA BDMS PTT HMPRO ส่วนตัวที่ประคองคือ AOT ADVANC CPN CRC เป็นต้น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีก 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิอีก 831 ลบ. (และยัง Short Index Futures อีกถึง 1.88 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index มีโอกาสรีบาวด์ได้ระยะสั้นหลังจากปรับตัวลง 5 วันทำการรวมกว่า 2% โดยคาดได้อานิสงส์จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกมากขึ้นจากฝั่งต่างประเทศ ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้ง PMI ภาคการผลิตและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ. ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้นักลงทุนคาดหวังมากขึ้นต่อโอกาสที่จะเห็น FED เริ่มปรับลดดอกในครึ่งปีแรก ล่าสุดโอกาสที่จะเกิดในการประชุมเดือน พ.ค. อยู่ที่ 30% และเดือน มิ.ย. ที่ 70% ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวลงแรงพอสมควร หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง สัปดาห์นี้ต้องติดตามการแถลงของประธาน FED ต่อคณะกรรมการทั้งสภาล่างและสูง ส่วนปลายสัปดาห์ติดตามตัวเลขการจ้างงานเดือน ก.พ. ขณะที่ปัจจัยในประเทศพรุ่งนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. หากออกมาต่ำกว่าคาดจะทำให้แรงกดดันต่อกนง.ในการลดดอกเบี้ยโดยเฉพาะฝั่งรัฐบาลมีมากขึ้น โดยเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยและได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลงจะเคลื่อนไหวในเชิงบวก เช่น ไฟแนนซ์ โรงไฟฟ้า เป็นต้น ด้านกลยุทธ์เรายังมองดัชนีที่ระดับ 1,350-1,360+- จุด ยังน่าสนใจในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว จากทั้งเศรษฐกิจไทยและกำไรบจ.ที่ Bottom แล้วในปี 2023 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวใน 2024
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่แนวโน้มกำไรปี 2024 แข็งแกร่ง และเทรด PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid
หุ้นเด่นเดือน มี.ค.: BDMS, HMPRO, KCG, SHR, TACC
FSSIA Portfolio: AOT, BCH, CPALL, CPN, GPSC, MINT, NSL, SJWD, and TIDLOR
หุ้นเด่นวันนี้ : BA
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท
- โทนประชุมนักวิเคราะห์เป็นบวก บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารปี 2024 เติบโต 13% y-y เป็น 4.5 ล้านคน ด้วยมี Load factor อยู่ที่ 85% รายได้ค่าโดยสารจะเติบโต 19% y-y หรือคำตั๋วโดยสารปรับขึ้นราว 5% y-y
- แนวโน้ม load factor 1Q24 แข็งแกร่งต่อเนื่อง รวมถึงค่าตั๋วโดยสารมีการปรับขึ้นด้วย และ BA จะรับเครื่องบินเพิ่มอีกหนึ่งลำใน 2Q24 และอีก 2 ลำในช่วง 2H24 ซึ่งจะทำให้ทั้งปี 2024 มี 25 ลำ นอกจากนี้คาดว่าจะได้รับอนุมัติให้เพิ่มเที่ยวบินสมุยจาก 50 เที่ยว เป็น 70 เที่ยวต่อวันในปีนี้
- แนวรับ 15.70//15.30 บาท แนวต้าน 16.30//17 บาท
Fund Flow : ศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด แต่เม็ดเงินโดยรวมยังไหลเข้าภูมิภาค US$238 ล้านบาท กระจุกที่ไต้หวัน US$266 ล้าน แต่ไหลออกจากอาเซียนทั้งไทยและอินโดนีเซียประเทศละ US$23-25 ล้าน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากระแสเงินทุนยังไหลเข้าแต่เบาบางลงเป็น US$391 ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดเพิ่มโอกาสที่ FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรก ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index ปรับตัวลง ค่าเงินสกุลเอเชียแข็งค่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) AH กำไรสุทธิออกมาที่ 138 ลบ. -73% q-q, -61% y-y ต่ำกว่าตลาดคาด แต่หากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 421 ลบ. -3% q-q, -22% y-y โดยการดำเนินงานค่อนข้างอ่อนแอจากรายได้ที่ปรับตัวจาก Demand รถกระบะในไทยที่ไม่ดีและความเข้างวดในการปล่อยสินเชื่อ จบปี 2023 กำไรปกติอยู่ที่ 1.8 พันลบ. +4% y-y ราคาเป้าหมาย 45 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(0) CRC โทนประชุมเป็นกลาง ปี 2024 แผนการขยายสาขายังคงเน้นใน format ของไทวัสดุและ Go Wholesale นอกจากการขยายสาขาแล้ว CRC ยังหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจจากการ M&A หรือ JV เพิ่มเติม ซึ่งยังคงเน้นในประเทศไทยและประเทศเวียดนามเป็นหลัก การซื้อที่ดินจำนวน 24 แปลงจาก HCDS 5.6 พันลบ. เรามองเป็นบวกเล็กน้อยและอาจเห็นโอกาสในการ spin off ส่วนภาพรวม SSSG ในช่วง ม.ค- ก.พ. 2024 กลับมาเป็นบวกราว 1-2% จากติดลบ 2.4% ใน 4Q23 คงประมาณการและราคาเป้าหมาย 48 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(0) SAWAD ผู้บริหารให้ภาค business guidance ปี 2024-25 ค่อนข้าง Optimistic อย่างมากทั้งการเติบโตของสินเชื่อ Credit cost และกำไรเติบโต 20-30% ต่อปี ส่วนด้านคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นและปริมาณการยึดรถของ SCAP จะลดลง แต่อย่างไรก็ตามประมาณการของเรายังมีมุมมองระมัดระวังและ Conservative กว่าบริษัทโดยยังคงประมาณการกำไรปี 2024-26 เติบโต +12% CAGR และปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 40 บาท จาก 43 บาท โดยรวมผลของจากการจ่ายปันผลเป็นหุ้น 10 ต่อ 1 ยังแนะนำ “ถือ” จาก upside ที่จำกัด
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 90.99 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 39,087.38 จุดขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับกลุ่ม AI และตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลงด้วย
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย และนักลงทุนยังคงขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียนในยุโรป ขณะมองข้ามการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชีว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง
(+) ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวก นำโดยตลาดนิกเกอิ มีแนวโน้มทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดจับตามองผลกาประชุมสภาจีนในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางเศรษฐกิจและการเมืองจีน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.16%
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX พุ่งขึ้น 1.71 ดอลลาร์ หรือ 2.19% ปิดที่ 79.97ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้นมากกว่า 4.5% ในรอบสัปดาห์นี้ หลังมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกพลัสจะพิจารณาขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจไปจนถึง 2Q24 เพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาด และอาจขยายการปรับลดกำลังการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 80.04 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.09%
(+) ราคาทองคำ COMEX พุ่งขึ้น 41.00 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 2,095.70 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวลง ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 2,090.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.26%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 823.77/ +0.10%