บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
LPN DEVELOPMENT แนวโน้มกำไร 3Q64 ยังไม่สดใส
Action
Sell (Maintain)
TP upside (downside) -16.1%
Close Oct 15, 2021 Price (THB) 4.96
12M Target (THB) 4.16
Previous Target (THB) 3.88
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q64 ท่ี 81 ลบ.ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากผลกระทบของ COVID-19 และมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง
- Presale 3Q64 อยู่ที่ 2.2 พันลบ. (+6.9% QoQ, -9.9%YoY) เติบโตขึ้น QoQ จากการเปิดตัวโครงการใหม่
- คาดยอดเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2564 มีโอกาสต่ำเป้าหมาย หากบริษัทเลื่อนการเปิดตัวโครงการ Lumpini Mixx Narathiwat – Ratchada ไปยังปี 2565
Our View
- ปรับลดประมาณการกำไรปี 2564/65 ลง 25% และ 10% เป็น 457 ลบ. และ 704 ลบ.ตามลำดับ จาก GPM ที่ยังถูกกดดันเพื่อส่งเสริมการระบาย Inventory ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ท่ี 4.16 บาท/ หุ้น แต่ยังคงคำแนะนำ “SELL” เชิงกลยุทธ์ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุน จากแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้นที่ยังไม่สดใส ขณะท่ีราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อ – ขายบน PER2565 ท่ี 10.4x สูงกว่าอย่างมีนัย เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ 8.0x
คาดกำไรปกติ 3Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากผลกระทบของ COVID-19 ระลอกที่ 3
เราคาดกำไรปกติ 3Q64 ที่ 81 ลบ. ลดลง -33.4%QoQ และ -21.5%YoY และต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีจาก 1) อุปสงค์โครงการแนวสูงที่ยังอ่อนแอจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3 ทำให้บริษัทต้องใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเพื่อระบายสินค้า เป็นผลให้เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 3Q64 ที่ 28.6% ลดลง 309bps QoQ และ 177bps YoY และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท ที่ระดับ 30-31% และ 2) ผลกระทบของมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง 30 วันในช่วงต้น 3Q64 จำกัดกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์และการนำสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด
Presale ยังโตได้ QoQ จากแรงหนุนกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาด และการเปิดตัวโครงการใหม่
บริษัทรายงาน Presale 3Q64 ที่ 2.2 พันลบ. (+6.9%QoQ, -9.9%YoY) แบ่งเป็นแนวราบที่ 648 ลบ. (-23.2%QoQ, -15.5%YoY) จากการไม่มีโครงการเปิดตัวใหม่ ขณะที่ยอดขายโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานได้รับผลกระทบจากมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้าง อย่างไรก็ดี ยอดขายโครงการแนวสูงรายงานที่ 1.5 พันลบ. (+28.5% QoQ, -7.3%YoY) เติบโตเด่น QoQ จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการ คือ Lumpini Ville Charan Fai Chai (มูลค่า 960 ลบ.) ซึ่งทำยอดขายได้ 14% ภายในไตรมาสหนุนด้วยการระบายสินค้าคงคลังที่ทำได้ดีจากการใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา และนโยบายส่งเสริมทางการตลาดในรูปแบบ Commission-base สำหรับพนักงานฝ่ายอื่นของบริษัท นอกเหนือจากฝ่ายขาย ทั้งนี้เราคาด Presale แนวราบฟื้นตัวขึ้น QoQ ในช่วง 4Q64 หนุนจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และการปูพรมฉีดวัคซีน COVID-19 ในกรุงเทพฯที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่คาดโครงการแนวสูงยังต้องพึ่งพากลยุทธ์ทางด้านราคา เพื่อส่งเสริมการะบายสินค้าจากอุปสงค์ที่ยังอ่อนแอ และคาดใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ไตรมาสในการฟื้นตัวกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
เลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ … รอจังหวะที่ดีขึ้นในปี 2565
บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการในช่วง 3Q64 คือ Lumpini Ville Charan Fai Chai (โครงการแนวสูงมูลค่า 960 ลบ.) และ Lumpini Town Place Lat Phrao 101-Pho Kaeo (โครการแนวราบมูลค่า 620 ลบ.) ทำให้มียอดเปิดตัวโครงการใหม่สะสมในช่วง 9M64 ที่ 4.3 พันลบ. หรือคิดเป็นเพียง 57% ของแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งปี 2564 ของบริษัท ที่ 7.6 พันลบ. เป็นผลให้เป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ยังมี Downside risk 30% +/- หากมีการเลื่อนการเปิดตัวโครงการ Lumpini Mixx Narathiwat-Ratchada มูลค่า 2.5 พันลบ. ไปยังปี 2565 (ปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับแผนโครงการจากเดิมที่มีสัดส่วนสำนักงานให้เช่า 40% เป็นแบบอยู่อาศัย 100%)
คงคำแนะนำ “SELL” ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.1 บาท/หุ้น
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2564/65 ลง 25% และ 10% จากเดิมที่ 608 ลบ. และ 778 ลบ. เป็น 457 ลบ. และ 704 ลบ. ตามลำดับ จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ยังเป็นปัจจัยกดดันการระบายสินค้าแนวสูงและอัตรากําไรขั้นต้น จากการใช้โปรโมชั่นทางด้านราคา
คงคำแนะนำ “ขาย” พร้อมปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 4.16 บาท/หุ้น (อิง PER 2564 เท่าเดิมที่ 8.7% เทียบเท่า -0.75 SD จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของบริษัท) เชิงกลยุทธ์ยังไม่แนะนำให้เข้าลงทุนจากแนวโน้มผลประกอบการระยะสั้นที่ยังไม่สดใส และราคาหุ้นปัจจุบันที่ซื้อ-ขายบน PER2565 ที่ 10.4x สูงกว่าอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ 8.0x