บล.เอเซีย พลัส:
ทิศทางกําไรจะกลับมาฟื้นตัวในงวด 3Q64
แนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q64 จะฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY จากแนวโน้มสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายสาขาและการคลาย lock down ตั้งแต่เดือนก.ย.64 ซึ่งจะหนุนแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 4Q64 ให้เติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงฤดูกาลใช้เงิน ทั้งการเปิดเทอมและเทศกาลปีใหม่ หนุนแนวโน้มสินเชื่อโตต่อเนื่อง
คาดกำไรสุทธิปี 2564-65 จะเติบโต 5%yoy และ 18%yoy จากแนวโน้มสินเชื่อปี 2564-65 จะเติบโต 26%yoy และ 20%yoy ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 6% ในรอบ 1 สัปดาห์ สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อ ที่อยู่ระหว่าง Hearing ไปแล้ว ซึ่งกระทบ MTC จำกัด จึงแนะนำ ซื้อ กำหนด Fair value ปี 2565 ที่ 72 บาท
แนวโน้มสินเชื่อโตต่อเนื่อง หนุนแนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q64 ฟื้นตัว
คาดกำไรสุทธิงวด 3Q64 เท่ากับ 1.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2%qoq และ 0.7%yoy มีปัจจัยสนับสนุนจาก
1) แนวโน้มสินเชื่อสุทธิ ณ สิ้นงวด 3Q64 จะปรับเพิ่มขึ้นถึง 7.5%qoq และ 27.6%yoy สู่ระดับ 8.6 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดย MTC มีสาขา ณ สิ้นงวด 3Q64 ทั้งสิ้น 5,665 สาขา เพิ่มขึ้น 381 สาขา จากสิ้นงวด 2Q64 และอานิสงค์การเปิดเมืองในช่วงเดือนก.ย. 64 หนุนแนวโน้มความต้องการใช้สินเชื่อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวใกล้เคียงปกติแล้ว และ
2) คาดสัดส่วน Cost to income ratio งวด 3Q64 จะปรับลดลงมาที่ 48.5% จาก 48.9% ในงวดก่อน ผลบวกจากแนวโน้มรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าแนวโน้มค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
หักล้างผลกระทบจาก
1) คาดการณ์ Credit cost งวด 3Q64 ที่จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 0.80% จาก 0.72% ในงวด 2Q64 ผลกระทบจากการ lock down ในเดือนก.ค.-ส.ค. 64 ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้บางส่วนลดลงชั่วคราว โดยคาด NPL/สินเชื่อรวม ณ สิ้นงวด 3Q64 จะเพิ่มขึ้นมาที่ 1.12% จาก 1.10% ในงวดก่อน ขณะที่คาด Coverage ratio ณ สิ้นงวด 3Q64 จะอยู่ที่ 166.5% จาก 162.8% ในงวด 2Q64 และ
2) คาดการณ์ Spread เฉลี่ยงวด 3Q64 ปรับลดลงมาที่ 15.58% จาก 15.76% ในงวด 2Q64 มีปัจจัยกดดันจากแนวโน้ม Yields เฉลี่ยงวด 3Q64 ปรับลดลงมาที่ 19.00% จาก 19.20% ในงวดก่อน จากการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อสัญญาเก่าที่ครบกำหนดแล้ว (ปี 2563 และต้นปี 2564 คิดอัตราดอกบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ราว 18-20%) แม้ว่า MTC จะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำรถจักรยานยนต์เป็น 16% จาก 15% ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนส.ค. 64 ซึ่งช่วยลดผลกระทบไปได้บ้าง หักล้างผลบวกจากแนวโน้ม Cost of funds เฉลี่ยงวด 3Q64 จะปรับลดลงมาที่ 3.42% จาก 3.44% ในงวด 2Q64 จากการออกหุ้นกู้ใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม
โดยรวมแล้ว คาดกำไรสุทธิงวด 9M64 เท่ากับ 4.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9%yoy และคิดเป็น 73% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
สคบ.จะควบคุมสินเชื่อเช่าซื้อ … กระทบ MTC จำกัด
มีข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจรายงานว่าสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นสธารณะ (Public Hearing) “ร่างประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถแทรกเตอร์ และเครื่องจักรกลการเกษตร” ซึ่งจะเปิดเฮียริ่งตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. -7 พ.ย. 64 โดยมีประเด็นหลักอาทิ 1) กำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ 15% ต่อปี (เดิมไม่มีกำหนด) 2) ผู้เช่าซื้อใช้สิทธิ์บอกเลิกสัญญาด้วยการส่งมอบรถยนต์ห้ามเก็บหนี้ส่วนขาด (คืนรถจบหนี้) และ 3) กรณีปิดสัญญาก่อนครบกำหนดจะต้องให้ส่วนลดไม่น้อยกว่า 80% ของดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ยังไม่ครบกําหนด
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าประเด็นดังดาวจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก เนื่องจากคิดเป็นดอกเบี้ยจากลูกค้าสูงกว่า 15% อยู่มาก อาทิ TK NCAP และ S11 เป็นต้น ขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มจำนำทะเบียนอาทิ SAWAD MTC และ TIDLOR จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อน้อยและสามารถปรับกลยุทธ์มาใช้สัญญาสินเชื่อประเภทอื่นปล่อยสินเชื่อควบคู่กันไปด้วยได้ ส่วนผู้ประกอบการเช่าซื้อรถบรรทุกอาทิ ASK THANI และ MICRO เป็นต้น แทบไม่ได้รับผลกระทบ เพราะปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกเป็นหลัก ซึ่งเป็นรถเชิงพาณิชย์ไม่ได้ถูกควบคุมโดยสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และมี Yields เฉลี่ยต่ำกว่า 15% โดยสรุปได้ดังนี้
MTC: จะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากปัจจุบัน MTC มีสัดส่วนสินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เพียง 3% ของสินเชื่อสุทธิ และคิดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อเฉลี่ยราว 22-24% โดย MTC ประเมินว่าหากมีการบังคับใช้จริงก็มีความสามารถในการปรับใช้สัญญา 2 สัญญาแทนได้ เช่น ใช้สัญญาเช่าซื้อในการปล่อยสินเชื่อบางส่วน และส่วนที่เหลือใช้สัญญานาโนที่มีเพดานอัตราดอกเบี้ยที่ 33% ควบคู่กันได้ นอกจากนี้ MTC ยังประเมินว่าร่างกฎหมายดังกล่าวน่าจะเกิดขึ้นได้ยาก และหากเกิดขึ้นจริงน่าจะมีกฎหมายเฉพาะเข้ามาควบคุมธุรกิจเช่าซื้อโดยตรงในอนาคต ซึ่งมีโอกาสที่เพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อจะปรับสูงขึ้นไปใกล้เคียงเพดานสินเชื่อจำนำทะเบียน เพราะมีความเสี่ยงใกล้เคียงกัน
ทิศทางกำไรจะฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2565
คงประมาณการคาดกำไรสุทธิปี 2564-65 จะปรับเพิ่มขึ้น 5.0%yoy และ 18.0%yoy จากแนวโน้มสินเชื่อสุทธิปี 2564-65 เติบโตถึง 25.6%yoy และ 20.0%yoy หักล้างผลกระทบจากแนวโน้ม Spread เฉลี่ยปี 2564-65 ที่จะลดลงมาที่ 15.8% และ 15.6% ไปทั้งหมด
สำหรับความกังวลเกี่ยวกับน้ำท่วมในบางพื้นที่ของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากการสอบถามไปยัง MTC พบว่าผลกระทบต่อสาขาและลูกหนี้ของ MTC จำกัด ยังบริหารจัดการได้ ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิงวด 4Q64 จะเติบโตต่อเนื่องจากงวด 3Q64 จากแนวโน้มสินเชื่อเติบโตต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวช่วงเปิดเทอมและช่วงเทศกาลปีใหม่ หนุนความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้น
แนะนำซื้อ … FV ปี 2565 ที่ 72 บาท
กําหนด FV ปี 2565 ใหม่เท่ากับ 72 บาท อิง PBV 5.0 เท่าตามวิธี GGM ภายใต้คาดการณ์ ROE เฉลี่ย 23% ราคาหุ้นปรับฐานกว่า 6% ในรอบ 1 สัปดาห์ สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่อยู่ระหว่าง Hearing ไปแล้ว ซึ่งกระทบ MTC จำกัด จึงยังแนะนำลงทุนรับการเติบโตของธุรกิจในปี 2564-65
ประเด็นความเสี่ยง
1. สินเช่ือสุทธิเติบโตต่ำกว่าคาด จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มรายได้และกําไรสุทธิของ MTC
- คุณภาพสินทรัพย์และแนวโน้มการเกิด NPL ใหม่ๆ
- อัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
- กฎหมายและข้อบังคับจากภาครัฐ
แนะนํา : ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 60.00
ราคาเป้าหมาย (บาท) 72.00
Upside (%) 20.0
Dividend Yield (%) 0.8